สัญจร เนติ โชติช่วงนิธิ สะบายดีหลวงพระบาง ขณะที่ผู้นำบริหารประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หากิจกรรมวันหยุดประเพณีงานบุญควบคู่กับวันหยุดปกติเสาร์-อาทิตย์ ให้วันหยุดยาวๆ ต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นคนไทยออกไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ตามสโลแกน “เที่ยวไทยคึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” ก็ได้ผลในระดับหนึ่ง เพราะนักท่องเที่ยวนอกจากจะนำเงินไปสะพัดในสังคมวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆ ยังได้หาความสำราญบันเทิงและพักผ่อนไปในตัว ผมเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะช่วยให้คนเรานั้นเปิดโลกทัศน์ตัวเองมากขึ้น มากกว่าจมปลักอยู่กับห้องสี่เหลี่ยมในเคหา แต่เที่ยวนี้ขอแบกเป้ไปกินนอนหลวงพระบาง เมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) ซึ่งได้กล่าวฉากประวัติของเมืองหลวงพระบางไปก่อนหน้านี้แล้ว หลวงพระบางร่วม 2 ทศวรรษมานี้ เป็นเมืองที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับรัฐบาลลาวเป็นอันดับต้นๆ ด้านหนึ่งลาวเปิดประเทศตัวเองมากขึ้น กับอีกด้านหนึ่งในฐานะเมืองเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม คนไทยหรือชาวยุโรปในคราบนักเดินทางแบกเป้ และท่องเที่ยวแพคเกจทัวร์ก็อยากไปเที่ยวสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ในช่วงต้นปี พ.ศ.นี้ และเข้าถึงกลางปีมานี่ ทางการลาวได้รายงานผ่านสถานีโทรทัศน์ข่าวว่า “มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวหลวงพระบางเพียงจำนวนสองแสนกว่าคนเท่านั้น” ผิดกับวันสังขาร(สงกรานต์) ที่ผมเคยมาเยี่ยมยามที่นี่หลายปีก่อน เพียงช่วงสัปดาห์เดียวมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปใช้ชีวิตกินนอนร่วมแสนคน ผมกับเพื่อนหาที่หลับที่นอนในเมืองไม่ได้ ต้องไปหา “เฮือนพัก” หรือเกสต์เฮ้าส์ในดงมะพร้าวอยู่กัน ซึ่งได้รสชาติบรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง ตกบ่ายมานอนเปลญวนใต้ต้นมะพร้าว ช่วงหนึ่งของการเบรกท่องเที่ยววัดวาอาราม เราทั้งคณะรับประทานอาหารมื้อกลางวัน ผมสนทนากับแม่หญิงลาว ไกด์หลวงพระบาง เธอบ่นว่า “สาเหตุมาจากพิษเศรษฐกิจตกต่ำ” เธอบ่นต่อ “ได้รับผลกระทบมาจากสนามบินสุวรรณภูมิของไทยถูกปิดจากม็อบเสื้อเหลือง และต่อมาผลกระทบมาจากม็อบเสื้อแดงอีกด้วย” ผมยิงคำถามเธอ “แล้วเกี่ยวอะไรกับปิดสนามบินสุวรรณภูมิด้วยละ?” เธอตอบทันควัน “ก็เพราะชาวยุโรปต้องมาต่อเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนเข้าลาวนะสิคุณ” และว่า “สนามบินปิด ใครจะมาเที่ยวล่ะ อย่าว่าแต่ชาวยุโรปเลย คนไทยยังไม่มาเลย นี่คือผลกระทบ” ผมจึงถึงบางอ้อ พลันเสียงเพลงไพเราะเสนาะขับขานกุหลาบปากซัน ดังมาจากลำโพง อาหารลาว รสชาตดี ก็กร่อยทันที ผมอึ้ง! คาดไม่ถึงการเมืองภายในบ้านเรา ได้ส่งผลกระทบการท่องเที่ยวลาวเรื่องนี้ด้วย ซึ่งนอกจากพิษม็อบเสื้อเหลือง-แดงแล้ว วิกฤติเศรษฐกิจก็รุ่มเร้า ล่าสุดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็ถาโถมเข้ามา ช่างเข้าสำนวน “ผีซ้ำด้ามพลอย” เสียจริง ถนนโพธิสาลราช เส้นเลือดใหญ่ทอดยาวใจกลางเมืองเก่า จากวงเวียนน้ำพุสู่ปลายทางวัดเชียงทอง ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ.นี้ รถรายามกลางวันจึงไม่ขวักไขว่ นักท่องเที่ยวบางตา ตกยามแลง(เย็น-ค่ำ)แปรสภาพเป็นถนนคนเดิน ชาวหลวงพระบางหอบสินค้าพื้นเมืองมาวางขาย แล้วก็นั่งมองหน้ากันเอง ผมและคณะเดินเข้าร้านอาหาร สาวน้อย 3 นางในชุดประจำเมืองหลวงพระบาง ยืนหน้าร้าน ยกมือไหว้ พร้อมกับรอยยิ้ม กล่าวคำทักทาย “สะบายดี” หรือ “สวัสดี” ผมยกมือไหว้กลับด้วยมิตรไมตรี และเอื้อนเอ่ยสะบายดี |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น