ชาวบ้านเทือกเขาบรรทัดโอด ถูกฟ้องทำให้โลกร้อน-หน.เขตเห็นใจ
![]() พท.มีปัญหา- สภาพสวนยางในเขตพื้นที่ของชาวบ้านที่อยู่ติดกับเทือกเขาบรรทัด ช่วงรอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง พัทลุง สภาพพื้นที่ทั่วไปปลูกสวนยางพาราและสวนผลไม้ ทางกรมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากเข้าไปบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ |
ตรัง - นายบุญ แซ่จุ่ง ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด และคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านทั้งจากจังหวัดตรัง พัทลุง และกระบี่ จำนวน 48 รายถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งฐานทำให้โลกร้อน รวมมูลค่ากว่า 31 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ข้อหาดังกล่าวเป็นประเด็นสากลที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดกฎเหล็กขึ้นมา เพื่อบังคับใช้กับผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมทั่วโลกที่เป็นตัวการสำคัญปล่อยของเสียต่างๆ จนเป็นต้นเหตุทำให้โลกร้อน ต่างไปจากการที่ชาวบ้านเข้าไปปลูกพืชทดแทนในที่ดินทำกิน
ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ย่าตายาย และปัจจุบันก็เป็นที่ดินที่ทางรัฐบาลเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังแล้ว แต่กลับต้องมาถูกทางกรมอุทยานฯ นำข้อหากล่าวหาดังกล่าวมาบังคับใช้
นายเสิด แท่นมาก อายุ 64 ปี หมู่ที่ 1 ตำบลนาหมื่นศรี เผยว่า มีสวนยางพาราที่ได้รับเป็นมรดกตกทอดมา ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ตำบลละมอ 9 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา และได้ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.47 ต่อมาศาลมีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายทางคดีแพ่ง ตามที่กรมอุทยานฯ ฟ้องร้องรวมทั้งหมด 1.8 ล้านบาท มีพื้นที่อยู่ติดเทือกเขาบรรทัด ช่วงรอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง กับพัทลุง สภาพพื้นที่ทั่วไปตลอดเส้นทางแวดล้อมไปด้วยสวนยางพาราและสวนผลไม้ ชาวบ้านแต่ละรายได้ปลูกไว้มานานแล้ว พร้อมระบุว่าไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาชดใช้กรมอุทยานฯ ขณะนี้ไม่มีกำลังใจที่จะทำมาหากินตามปกติอีกต่อไปแล้ว เพราะกลัวจะต้องสูญเสียที่ดินที่ทำกินที่ทำมาอย่างยาวนานไป
ด้านนายคม ชัยภักดี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า กฎหมายที่นำมาบังคับใช้จะดำเนินการกับประชาชนที่บุกรุกใหม่หลังปี 2541 เท่านั้น แต่ถ้าเป็นการเข้าไปทำกินก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะอนุโลมให้ แต่ได้สั่งไว้ว่าห้ามเข้าไปตัดโค่นป่าเพื่อปลูกพืชผลใหม่โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม หลังจากกรมอุทยานฯ ได้นำโทษที่สูงมาบังคับใช้ ก็ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งไม่กล้าบุกรุกพื้นที่ป่า โดยเฉพาะบริเวณเขาบรรทัด ขณะนี้มีคดีที่อยู่ในชั้นศาลนับ 100 ราย และตั้งแต่เริ่มดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้มานับตั้งแต่ปี 2546 ปรากฏว่า มีชาวบ้านถูกศาลสั่งบังคับคดีให้จ่ายค่าเสียหายไปแล้วหลายสิบราย ส่วนคดีต่างๆ ที่เหลือก็เริ่มทยอยพิพากษาออกมา ซึ่งแม้โดยส่วนตัวจะไม่อยากดำเนินการใดๆ แต่ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย เพราะยังพบการบุกรุกอยู่ทุกวัน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างเข้มงวด
หน้า 28
นายเสิด แท่นมาก อายุ 64 ปี หมู่ที่ 1 ตำบลนาหมื่นศรี เผยว่า มีสวนยางพาราที่ได้รับเป็นมรดกตกทอดมา ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ตำบลละมอ 9 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา และได้ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.47 ต่อมาศาลมีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายทางคดีแพ่ง ตามที่กรมอุทยานฯ ฟ้องร้องรวมทั้งหมด 1.8 ล้านบาท มีพื้นที่อยู่ติดเทือกเขาบรรทัด ช่วงรอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง กับพัทลุง สภาพพื้นที่ทั่วไปตลอดเส้นทางแวดล้อมไปด้วยสวนยางพาราและสวนผลไม้ ชาวบ้านแต่ละรายได้ปลูกไว้มานานแล้ว พร้อมระบุว่าไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาชดใช้กรมอุทยานฯ ขณะนี้ไม่มีกำลังใจที่จะทำมาหากินตามปกติอีกต่อไปแล้ว เพราะกลัวจะต้องสูญเสียที่ดินที่ทำกินที่ทำมาอย่างยาวนานไป
ด้านนายคม ชัยภักดี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า กฎหมายที่นำมาบังคับใช้จะดำเนินการกับประชาชนที่บุกรุกใหม่หลังปี 2541 เท่านั้น แต่ถ้าเป็นการเข้าไปทำกินก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะอนุโลมให้ แต่ได้สั่งไว้ว่าห้ามเข้าไปตัดโค่นป่าเพื่อปลูกพืชผลใหม่โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม หลังจากกรมอุทยานฯ ได้นำโทษที่สูงมาบังคับใช้ ก็ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งไม่กล้าบุกรุกพื้นที่ป่า โดยเฉพาะบริเวณเขาบรรทัด ขณะนี้มีคดีที่อยู่ในชั้นศาลนับ 100 ราย และตั้งแต่เริ่มดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้มานับตั้งแต่ปี 2546 ปรากฏว่า มีชาวบ้านถูกศาลสั่งบังคับคดีให้จ่ายค่าเสียหายไปแล้วหลายสิบราย ส่วนคดีต่างๆ ที่เหลือก็เริ่มทยอยพิพากษาออกมา ซึ่งแม้โดยส่วนตัวจะไม่อยากดำเนินการใดๆ แต่ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย เพราะยังพบการบุกรุกอยู่ทุกวัน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างเข้มงวด
หน้า 28
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น