บ.ซีแคนูไทยแลนด์ จำกัด บ้าน ร๊อคการ์เด้นท์ 125/461 บ้านทุ่งคา - บ้านสะปำ ต. รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ 076 528839 - 40 โทรสาร 076 258841 อีเมล์: info@seacanoe.net เว็บไซต์ http://www.seacanoe.net/ Please visit my blog.Thank you so much. http://www.sanamluang.bloggang.com / http://tham-manamai.blogspot.com / http://www.parent-youth.net/ http://www.tzuchithailand.org/ http://www.pdc.go.th/ http://www.presscouncil.or.th / http://thainetizen.org/ http://www.ictforall.org

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Bookmark and Share
Blognone

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปลุกชีพข้าวหมากตลาดน้ำ เติมความรู้เจาะคนรุ่นใหม่

ปลุกชีพข้าวหมากตลาดน้ำ เติมความรู้เจาะคนรุ่นใหม่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มิถุนายน 2552 09:51 น.
นางกุลิสรา ติณวัฒนานนท์ ( หนึ่ง) เจ้าของสูต
       ข้าวหมาก อาหารพื้นเมือง ที่นับวันจะเลือนหายไปจากความทรงจำของคนไทย เช่นเดียวกับอาหารโบราณของคนไทยอีกหลายชนิด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าไม่ได้มีการอนุรักษ์การทำอาหารพื้นเมือง เหล่านี้ไว้ เพราะส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง
       
       สำหรับผู้ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวตลาดน้ำ คงจะได้มีโอกาสได้ลองลิ้มชิมรสชาติของอาหารโบราณที่ไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนัก รวมถึงข้าวหมาก และสำหรับผู้ที่อยู่ในย่านกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต้องการชิมรสชาติของข้าวหมาก วันนี้ มีตลาดน้ำที่อยู่ใกล้ๆเปิดให้บริการกันในย่านชานเมืองหลายแห่ง รวมถึงตลาดน้ำคลองลัดมะยม ย่านพุทธมณฑลสาย 1 ตลิ่งชัน ซึ่งที่นี่ มีข้าวหมากสูตรโบราณที่ขึ้นชื่อ และรู้จักกันในชื่อ “ใบกล้วยข้าวหมาก หนึ่ง&ม่วย”
       


ข้าวหมากในห่อใบตอง
       นางกุลิสรา ติณวัฒนานนท์ ( หนึ่ง) เจ้าของสูตรข้าวหมากใบกล้วย เล่าว่า ได้เริ่มทำข้าวหมากขายมาได้ประมาณ 3 ปี จุดประสงค์ที่ทำข้าวหมากขายก็มาจากความต้องการที่จะอนุรักษ์ อาหารไทยโบราณให้ยังคงอยู่คู่คนไทยและประเทศไทย ซึ่งนอกจากข้าวหมาก ก็ยังมีอาหารโบราณอื่นๆ ที่เริ่มหาทานได้ยาก เช่น ทอดมันสมุนไพร หน่อกะลา และขนมโบราณ อย่างข้าวเหนียวตัด เป็นต้น
       

       ผลพ่วงจากการเราตั้งใจอนุรักษ์ อาหารไทยโบราณ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรอนุรักษ์มรดกไทย เห็นถึงความสำคัญตรงจุดนี้ จึงได้คัดเลือกให้เราได้รับรางวัลการอนุรักษ์มรดกไทยในหมวดอาหาร โดยได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ ในส่วนของข้าวหมาก เราก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสุดยอดโอทอป 3 ดาว ระดับประเทศ ด้วย
       


ข้าวหมากขายอยู่บนเรือ
       สำหรับสูตรข้าวหมากเป็นสูตรโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากป้า ซึ่งทำขายอยู่กับบ้านมานานหลายสิบปี และต่อมาเลิกทำไป เพราะลูกค้าเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่รู้จักและกินไม่เป็น ในส่วนของตนเองเริ่มทำในช่วงที่มีการโปรโมทการทำตลาดน้ำคลองลัดมะยม ก็เลยตัดสินใจนำข้าวหมาก ทอดมันหน่อกะลาใส่เรือพายมาขาย เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของตลาดน้ำ คือการอนุรักษ์ของใช้และอาหารโบราณ
       
       “ส่วน ชื่อข้าวหมาก หนึ่ง&ม่วย มาจากชื่อของตนเองและพี่สาว เพราะทำขายกัน 2 ร้าน แต่เป็นสูตรเดียวกัน ลูกค้าสามารถซื้อร้านไหนก็ได้รสชาติเดียวกัน และราคาเหมือนกัน และในส่วนของชื่อใบกล้วย มาจาก อาหารของเราทุกชนิดจะใส่ภาชนะทำจากใบกล้วย หรือ ใบตอง เพราะการใส่ใบตองเป็นการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ และลดการใช้ถุงพลาสติก ที่สำคัญอาหารใส่ใบตองดูสดใหม่ และน่ากินมากขึ้น”
       


       นอกจากการขายที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม บางส่วนมีขายส่งให้กับคนทั่วไปที่มารับไปจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง โดย ลูกค้าจะมีทั้งที่มารับไปเองและให้เราจัดส่งให้ ราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ส่งใกล้ หรือ ไกล ซึ่งราคาขายส่งจะอยู่ที่ห่อละ 3.50 บาท ไปจนถึง 4 บาท ส่วนราคาขายปลีกห่อละ 5 บาท และ 6 บาท แล้วแต่สถานที่ขายแต่ละแห่ง แต่ในส่วนของคุณหนึ่งและม่วย ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมจะขายห่อละ 5 บาท
       
       นางกุลิสรา เล่าว่า ทั้งนี้จากการที่เราได้เข้าไปขายในมหาวิทยาลัยมหิดล ทำให้รู้ว่า ปัจจุบันลูกค้าในกลุ่มนักศึกษาวัยรุ่น มีความรู้ในเรื่องของคุณประโยชน์ของข้าวหมากมากขึ้น ซึ่งประโยชน์ของข้าวหมากช่วยบำรุงผิว บำรุงเลือด และสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย และเมื่อความรู้ตรงนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เราได้ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นที่รัก และใส่ใจสุขภาพหันมากินข้าวหมากกันมากขึ้น
       
       สำหรับรายได้ขายปลีกที่ตลาดน้ำอยู่ที่วันละขั้นต่ำ 300 ห่อขึ้นไป ขายเฉพาะวันเสาร์- อาทิตย์ และวันศุกร์จะเข้าไปขายอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งขายวันละ 300ห่อ เช่นกัน ส่วนขายส่งนั้นทำส่งขายทุกวัน วันละ 1,000 ห่อไปจนถึง 3,000 ห่อ ลูกค้ามาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก จากการที่ลูกค้าได้มาซื้อกินที่ตลาดน้ำและชื่นชอบ ก็มาเป็นลูกค้าประจำกัน เช่นเดียวกับการขายส่งก็มาจากจุดเริ่มต้นที่ตลาดน้ำนี้เช่นกัน

ข้าวเหนียวตัดสูตรโบราณหวานตามธรรมชาติ
       ส่วนข้าวหมากที่จะให้คุณประโยชน์ตรงนี้ได้ดี ต้องเป็นข้าวหมากที่อยู่ในช่วงที่เรียกว่าข้าวหมากสุก หรือ ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ไม่มาก อยู่ที่ประมาณ 0.05 % ซึ่งข้าวหมากจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ข้าวหมากดิบ ยังนำมาทานไม่ได้ ช่วงที่ สอง ข้าวหมากสุก กำลังทาน และช่วงที่ สาม เป็นข้าวหมากงอม คือ ทิ้งไว้นานปริมาณแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้นกินไปมากก็ทำให้เมาได้ ซึ่งอายุการเก็บรักษาข้าวหมากให้อยู่ในช่วงข้าวหมากสุกอยู่ระหว่าง 2-7 วัน หลังจากนั้นเป็นข้าวหมากงอม
       
       “สาเหตุ ที่เราได้ลูกค้าประจำค่อนข้างมาก เพราะรสชาติที่เป็นแบบโบราณ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเราที่ต่างจากคนทำข้าวหมากในปัจจุบัน เคล็ดลับของการทำข้าวหมากสูตรโบราณ คือ ต้องไม่ใส่น้ำตาล แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่มักจะเติมน้ำตาล ทำให้ไม่ได้รสชาติความหวานแบบธรรมชาติ และเราเลือกใช้ลูกแป้งหมักอย่างดี ซึ่งซื้อลูกแป้งมาจากจังหวัดเชียงใหม่ และบวกกับเคล็ดลับและเทคนิคการทำข้าวหมากที่เป็นสูตรเฉพาะทำให้รสชาติออกมา ดี”
       
       โทร. 08-5551-2935

http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000063395

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

รายการบล็อกของฉัน