ภาคสองของ"นกฮูกควาย"
คอลัมน์ ทัวร์ทโมน
ปริญญา ผดุงถิ่น pui@tourtamoan.com www.tourtamoan.com
![]() นกเค้าใหญ่พันธุ์เนปาลแห่งเขาใหญ่อุตส่าห์เข้าใกล้นกได้ขนาดนี้แล้ว แต่นกเมินกล้องซะงั้น งานนี้ต้องมีล้างตาแน่ |
หลังจากผมไปจ๊ะเอ๋ นกเค้าใหญ่พันธุ์เนปาล (Spot-bellied Eagle-Owl) ที่ตีนเขาใหญ่
พรรคพวกเพื่อนฝูงที่ทราบข่าว ก็โทร.มาร้องขอกันให้วุ่น ช่วยพาไปดูเป็นขวัญตาบ้างเถิด
ผมก็เลยนัดแนะกับเจ้าถิ่น "ไกด์เอ" คนดังเขาใหญ่ จนการเข้าพื้นที่ของเอกชนแห่งนั้นได้รับไฟเขียวผ่านสะดวก การนัดหมายกับคณะใหญ่จึงเริ่มขึ้น
จำนวนคนคราวนี้ปาเข้าไปร่วม 20 คน แบ่งเป็นนักดูนก 3 พวก
พวกหนึ่งถ่ายรูปด้วยอุปกรณ์ DSLR พวกหนึ่งถ่ายรูปด้วยดิจิสโคป และพวกหนึ่งมีมาแต่กล้องไบน็อกหรือสโคป ขอส่องดูอย่างเดียวก็พอใจแล้ว
ผมเองอาจพิลึกกว่าใคร คือหอบขาตั้ง 2 ตัว ทั้ง DSLR และดิจิสโคป
ขาตั้งกล้องเรียงรายเป็นตับบนเนินหญ้า แต่ละคนหมายมั่นปั้นมือ
โชคช่วยเป็นอย่างมาก หนนี้นกตื่นเร็วกว่าเดิม เริ่มบินขึ้นจากที่นอนมาโชว์ตัวบนหน้าผาตอน 5 โมงเย็น ยังมีแสงแดดแรงๆ อยู่ จากนั้นแต่ละคนก็ง่วนกับอุปกรณ์ตรงหน้าของตัว พลิกตำรากันตามใจชอบ
เป็นครั้งแรกในชีวิต ถ่ายรูปนกจากระยะไกลลิบโลกขนาดนี้!
พอฟ้าเริ่มหรี่โรยใกล้มืด ประกอบกับมีเมฆฝนมาด้วย นกบินเปลี่ยนกิ่ง แต่ไม่ร่อนถลาลงต่ำเหมือนหนก่อน ผ่าขึ้นไปอยู่บนสันเขาไกลกว่าเดิมอีก
แล้วฝนก็เข้ามาเป็นอุปสรรค แม้โปรยปรายเพียงเบาๆ แต่ก็เพียงพอจะไล่อุปกรณ์ถ่ายรูปนกทั้งหลายให้หนีกระเจิงไปหลบในเพิง ก่อนทุกคนตัดสินใจ...กลับดีกว่า
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ฝนเริ่มขาดเม็ด รถที่แห่กันมาเป็นขบวนใหญ่ กลับลำออกไปทีละคัน จนถึงคิวผม กำลังถอยหน้าถอยหลัง มีไกด์เอมาคอยโบกให้
ปากบอก มือโบก แต่ตาวาวๆ ของไกด์เอยังเบิ่งไปตามท้องฟ้าที่แสงจันทร์เริ่มพ้นเงาเมฆ
แล้วก็ร้องจ๊ากออกมา เมื่อเห็นนกเค้าใหญ่ร่อนถลาจากบนเขา หายเข้าไปในพุ่มกิ่งใบของต้นหางนกยูง ถัดจากรถผมสัก 10 กว่าเมตรเท่านั้น
ยังเหลือตากล้องตรงนั้น 4-5 คน แต่ดันเป็นผมที่โชคดีกว่าใคร ก่อนนกจะเผ่นหนีไปอีกอย่างรีบร้อน ผมก็ถ่ายเจ้าอินทรีแห่งรัตติกาลหรือ "นกฮูกควาย" ไป 2 ฉับ ได้ภาพชัดเจนมา 1 ฉับ
เสียดายก็แต่ นกดันไม่หันมาสบตากับกล้องเท่านั้น
ส่วนคนอื่นแย่กว่าอีก ภาพเบลอมั่ง ยืนงงไม่กดชัตเตอร์มั่ง แม้แต่ประกอบกล้องมาไม่ทันก็มี
เพื่อนที่ไปด้วยกันและเป็นเจ้าข้อมูลนกคนหนึ่ง แสดงความเห็นว่าน่าจะเป็นรูปนกเค้าใหญ่พันธุ์เนปาลในธรรมชาติของไทย ที่ถ่ายได้ในระยะใกล้สุด!
สักวันคงจะมีภาคสามสำหรับผม ตอนนี้ก็มองหาวิธีการอยู่ ทำอย่างไรจะเข้าใกล้นกได้อีกโดยไม่ตื่นหนี?
หน้า 7
พรรคพวกเพื่อนฝูงที่ทราบข่าว ก็โทร.มาร้องขอกันให้วุ่น ช่วยพาไปดูเป็นขวัญตาบ้างเถิด
ผมก็เลยนัดแนะกับเจ้าถิ่น "ไกด์เอ" คนดังเขาใหญ่ จนการเข้าพื้นที่ของเอกชนแห่งนั้นได้รับไฟเขียวผ่านสะดวก การนัดหมายกับคณะใหญ่จึงเริ่มขึ้น
จำนวนคนคราวนี้ปาเข้าไปร่วม 20 คน แบ่งเป็นนักดูนก 3 พวก
พวกหนึ่งถ่ายรูปด้วยอุปกรณ์ DSLR พวกหนึ่งถ่ายรูปด้วยดิจิสโคป และพวกหนึ่งมีมาแต่กล้องไบน็อกหรือสโคป ขอส่องดูอย่างเดียวก็พอใจแล้ว
ผมเองอาจพิลึกกว่าใคร คือหอบขาตั้ง 2 ตัว ทั้ง DSLR และดิจิสโคป
ขาตั้งกล้องเรียงรายเป็นตับบนเนินหญ้า แต่ละคนหมายมั่นปั้นมือ
โชคช่วยเป็นอย่างมาก หนนี้นกตื่นเร็วกว่าเดิม เริ่มบินขึ้นจากที่นอนมาโชว์ตัวบนหน้าผาตอน 5 โมงเย็น ยังมีแสงแดดแรงๆ อยู่ จากนั้นแต่ละคนก็ง่วนกับอุปกรณ์ตรงหน้าของตัว พลิกตำรากันตามใจชอบ
เป็นครั้งแรกในชีวิต ถ่ายรูปนกจากระยะไกลลิบโลกขนาดนี้!
พอฟ้าเริ่มหรี่โรยใกล้มืด ประกอบกับมีเมฆฝนมาด้วย นกบินเปลี่ยนกิ่ง แต่ไม่ร่อนถลาลงต่ำเหมือนหนก่อน ผ่าขึ้นไปอยู่บนสันเขาไกลกว่าเดิมอีก
แล้วฝนก็เข้ามาเป็นอุปสรรค แม้โปรยปรายเพียงเบาๆ แต่ก็เพียงพอจะไล่อุปกรณ์ถ่ายรูปนกทั้งหลายให้หนีกระเจิงไปหลบในเพิง ก่อนทุกคนตัดสินใจ...กลับดีกว่า
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ฝนเริ่มขาดเม็ด รถที่แห่กันมาเป็นขบวนใหญ่ กลับลำออกไปทีละคัน จนถึงคิวผม กำลังถอยหน้าถอยหลัง มีไกด์เอมาคอยโบกให้
ปากบอก มือโบก แต่ตาวาวๆ ของไกด์เอยังเบิ่งไปตามท้องฟ้าที่แสงจันทร์เริ่มพ้นเงาเมฆ
แล้วก็ร้องจ๊ากออกมา เมื่อเห็นนกเค้าใหญ่ร่อนถลาจากบนเขา หายเข้าไปในพุ่มกิ่งใบของต้นหางนกยูง ถัดจากรถผมสัก 10 กว่าเมตรเท่านั้น
ยังเหลือตากล้องตรงนั้น 4-5 คน แต่ดันเป็นผมที่โชคดีกว่าใคร ก่อนนกจะเผ่นหนีไปอีกอย่างรีบร้อน ผมก็ถ่ายเจ้าอินทรีแห่งรัตติกาลหรือ "นกฮูกควาย" ไป 2 ฉับ ได้ภาพชัดเจนมา 1 ฉับ
เสียดายก็แต่ นกดันไม่หันมาสบตากับกล้องเท่านั้น
ส่วนคนอื่นแย่กว่าอีก ภาพเบลอมั่ง ยืนงงไม่กดชัตเตอร์มั่ง แม้แต่ประกอบกล้องมาไม่ทันก็มี
เพื่อนที่ไปด้วยกันและเป็นเจ้าข้อมูลนกคนหนึ่ง แสดงความเห็นว่าน่าจะเป็นรูปนกเค้าใหญ่พันธุ์เนปาลในธรรมชาติของไทย ที่ถ่ายได้ในระยะใกล้สุด!
สักวันคงจะมีภาคสามสำหรับผม ตอนนี้ก็มองหาวิธีการอยู่ ทำอย่างไรจะเข้าใกล้นกได้อีกโดยไม่ตื่นหนี?
หน้า 7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น