|
![]() |
นอกจากนี้อีสานยังเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณในยุคก่อนประวัติศาสตร์อัน เก่าแก่ ที่นอกจากจะสำคัญมากต่อชาติไทยแล้ว ยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลกอีกด้วย ซึ่งทริปนี้ "ตะลอนเที่ยว" มีโอกาสเดินทางสู่อีสานในเส้นทาง "ตามรอยอารยธรรมโบราณ" ที่จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดยเริ่มต้นที่จังหวัดนครราชสีมาหรือเมืองโคราช ประตูสู่อีสาน ที่ ต.เสมา อ.สูงเนิน เพื่อเที่ยวชม "เมืองเสมา" มีร่องรอยของชุมชนโบราณในสมัยทวารวดี ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 12 และมีพัฒนาการสืบเนื่องมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 16-17 ภายใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมขอมโบราณ | ||||
นอกจากนั้นในบริเวณเดียวกันยังขุดพบโบราณวัตถุอย่างธรรมจักรหินทราย อันเก่าแก่ เป็นรูปซี่กงล้อ ตอนล่างสลักลายคล้ายหน้าพนัสบดี และเสาสำหรับประดิษฐานธรรมจักร รวมทั้งโบราณวัตถุอื่นๆ เช่น ฐานตั้งรูปเคารพ ส่วนยอดของเจดีย์ แท่นบดยา ชิ้นส่วนประกอบอาคาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้นำมาจัดแสดงไว้ในศาลาภายในวัดธรรมจักรเสมารามนั่นเอง | ||||
ส่วนปราสาทโนนกู่เป็นปราสาทขนาดเล็ก สันนิษฐานว่าเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู และปราสาทเมืองเก่านั้นสันนิษฐานว่าเป็นโบราณสถานในศาสนาพุทธลัทธิมหายานประ เภทอโรคยาศาล ที่โคราชยังมีแหล่งอารยธรรมโบราณอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญ ทั้งยังเป็นแหล่งโบราณคดีแห่งที่สองต่อจากบ้านเชียง ที่จัดทำในลักษณะพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง นั่นก็คือ "แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท" ในอำเภอโนนสูง ซึ่งมีหลุมขุดค้นที่ตกแต่งและเปิดให้ชมทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน โดยระดับของหลุมขุดค้นทั้งสามที่มีความลึกที่สุดคือประมาณ 5.50 เมตร ขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์ในยุค 3,000 ปีก่อน ส่วนในระดับชั้นดินที่ตื้นขึ้นมาก็จะพบโครงกระดูกมนุษย์ที่มีอายุน้อยลง ซึ่งก็ทำให้เห็นหลักฐานการอยู่อาศัย และประเพณีการฝังศพของผู้คนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีก่อน และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน | ||||
จากโคราช เดินทางกันต่อมาถึงเมืองน้ำดำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่อำเภอกมลาไสยนั้นก็มีเมืองโบราณที่มีร่องรอยของการอยู่อาศัยมาตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 นั่นก็คือ "เมืองฟ้าแดดสงยาง" โบราณวัตถุที่พบมากที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยางก็คือใบเสมาหินทราย ซึ่งพบกระจัดกระจายอยู่รอบๆพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณศาสนสถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น เจดีย์ อุโบสถ หรือเนินดินที่มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งเข้าใจว่าเป็นสถานที่ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยใบเสมาเหล่านี้แบ่งได้หลายประเภทด้วยกัน ทั้งแบบแผ่นเรียบไม่มีการแกะสลัก แบบแผ่นหินอกเลาสลักรูปกลีบบัวที่ฐาน แบบแท่งหินรูปสี่เหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยม รวมไปถึงแบบแผ่นหินที่สลักเรื่องราวทางศาสนาไว้ | ||||
โบราณสถานในเมืองฟ้าแดดสงยางที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่จะพลาดชมไม่ได้ก็คือ "พระธาตุยาคู" พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ในสมัยทวารวดีที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในเมืองฟ้า แดดสงยาง เนื่องจากได้รับการบูรณะในหลายยุค จึงทำให้พระธาตุยาคูมีฐานแบบทวารวดี ตอนกลางพระธาตุเป็นแบบอยุธยา ส่วนตอนปลายเป็นแบบรัตนโกสินทร์ และยังพบใบเสมารอบๆ องค์เจดีย์อีกหลายชิ้นด้วยกัน พระธาตุองค์นี้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในแถบนี้เป็นอย่างมาก มีเรื่องเล่าปาฏิหาริย์มากมายหลายเรื่องเกี่ยวกับองค์พระธาตุ หากอยากรู้คงต้องหาโอกาสมาฟังด้วยตนเอง | ||||
หากอยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงอย่างละเอียดก็ต้องมาเริ่มต้นที่ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง" พิพิธภัณฑ์ทันสมัยที่รวบรวมเอาโบราณวัตถุหลายหมื่นชิ้นที่ขุดค้นพบมาจัดแสดง ไว้ให้ชม พร้อมทั้งมีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับบ้านเชียงอย่างครบถ้วน แต่หากอยากเห็นสภาพพื้นที่จริงซึ่งจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดหรือหลุมขุดค้น ก็ต้องมาที่ “วัดโพธิ์ศรีใน” ที่ยังคงรักษาสภาพการขุดค้น มีโครงกระดูกและเครื่องปั้นดินเผาที่แสดงให้เห็นถึงประเพณีการฝังศพของคนในสมัยนั้น | ||||
ที่ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศนั้นก็เพราะในอุทยานฯนี้ มีโขดหินทรายน้อยใหญ่ที่ถูกขัดเกลาจากกระบวนการกัดกร่อนของธรรมชาติทั้งลม และฝน จนทำให้โขดหินเหล่านั้นมีรูปร่างต่างๆกัน และก่อเกิดเป็นตำนานพื้นบ้านอย่างเรื่อง "นางอุสา-ท้าวบารส" และโขดหินเหล่านี้นั้นก็มีร่องรอยของมนุษย์ในยุคโบราณก่อนประวัติ ศาสตร์ ราว 2,000-3,000 ปี ซึ่งมาพักอาศัยอยู่บนโขดหินและเพิงผาธรรมชาติ มีหลายจุดในภูพระบาทที่พบสถานที่ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยใช้ เป็นห้องนอนและสถานที่ประกอบอาหาร อีกทั้งยังพบภาพเขียนสีธรรมชาติเป็นรูปคน และสัตว์ตามเพิงหินอีกด้วย | ||||
ปิดท้ายเส้นทางอารยธรรมโบราณแห่งสุดท้ายในเส้นทางกลับที่ "เมืองโบราณโนนเมือง" ที่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ชุมชนเก่าแก่ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เรื่อยมาจน ถึงสมัยทวารวดี การขุดค้นพบว่ามีการสร้างเมืองขนาดใหญ่โดยขุดคูเมืองและก่อคันดินเป็นกำแพง เมือง อีกทั้งยังพบกลุ่มใบเสมาในตัวเมืองโนนเมือง จึงเชื่อว่าเมืองแห่งนี้อาจเป็นศูนย์กลางทางศาสนาหรือเป็นที่ประกอบพิธีทาง ศาสนาอีกด้วย | ||||
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ใน "เส้นทางตามรอยอารยธรรมโบราณ" ซึ่งหากใครที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ อยากเห็นหรือสัมผัสกับมนุษย์โบราณอย่างใกล้ชิด "ตะลอนเที่ยว" แนะนำว่าไม่ควรพลาดเส้นทางนี้ด้วยประการทั้งปวง * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * การท่องเที่ยวในเส้นทาง "ตามรอยอารยธรรมโบราณ" หากอยากเที่ยวให้สนุกควรมีมัคคุเทศก์ที่สามารถบรรยายถึงความเป็นมาของสถาน ที่แต่ละแห่ง ผู้ที่สนใจท่องเที่ยวในเส้นทางนี้สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ ททท. Call Center 1672 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ โทร.0-2270-1505 ถึง 8 สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย โทร.0-2246-5659 สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย โทร.0-2887-8802 ถึง 3 สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย โทร.0-2998-0744 http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000062452 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น