บ.ซีแคนูไทยแลนด์ จำกัด บ้าน ร๊อคการ์เด้นท์ 125/461 บ้านทุ่งคา - บ้านสะปำ ต. รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ 076 528839 - 40 โทรสาร 076 258841 อีเมล์: info@seacanoe.net เว็บไซต์ http://www.seacanoe.net/ Please visit my blog.Thank you so much. http://www.sanamluang.bloggang.com / http://tham-manamai.blogspot.com / http://www.parent-youth.net/ http://www.tzuchithailand.org/ http://www.pdc.go.th/ http://www.presscouncil.or.th / http://thainetizen.org/ http://www.ictforall.org

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Bookmark and Share
Blognone

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

การกลับมาของช้างแคระ

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11369 มติชนรายวัน


การกลับมาของช้างแคระ


โดย วันชัย ตัน




นิตยสาร Time ฉบับวันสงกรานต์เลือด 13 เมษายนที่ผ่านมา ได้รายงานถึงสัตว์ทั่วโลก 10 ชนิดที่อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงยิ่ง จวนเจียนจะสูญพันธุ์เต็มที่แล้ว

ที่น่าสนใจคือ สัตว์โชคร้ายทั้ง 10 ชนิดที่ใกล้จะลาลับจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินนั้น มีภูมิลำเนาอยู่ในกลุ่มอาเซียน หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 6 ชนิด ได้แก่

1.แรดชวา อาศัยอยู่ในอินโดนีเซียและเวียดนาม คาดว่าเหลือน้อยกว่า 60 ตัว และถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่หายากที่สุดในโลก มันถูกล่าเอานอ และป่าดงดิบบ้านของมันถูกรุกรานกลายเป็นพื้นที่เกษตรมากขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่าอีกไม่นานสัตว์ชนิดนี้คงจากโลกอย่างแน่นอน
2.ค่างหัวสีทอง อาศัยอยู่ในเวียดนามเท่านั้น ปัจจุบันมีเหลือน้อยกว่า 70 ตัว
3.ปลาบึก อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง มีเหลือไม่กี่ร้อยตัว เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง เคยจับได้น้ำหนัก 293 กิโลกรัม การสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงและการล่าเพื่อเป็นอาหาร คือ ภัยคุกคามสำคัญ
4.เสือสุมาตรา เหลือน้อยกว่า 600 ตัว มันอาศัยอยู่เฉพาะในเกาะสุมาตรามานับล้านปีแล้ว เมื่อมนุษย์เพิ่มมากขึ้น มันจึงลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
5.หมียักษ์แพนด้า อาศัยอยู่ในจีน พม่าและเวียดนามด้วย เป็นสัตว์แสนน่ารัก ใครๆ เห็นก็หลง แต่ก็หาได้ทำให้หมีแพนด้ารอดพ้นจากภัยคุกคามไม่ เหลืออยู่ไม่ถึง 2,000 ตัว
6.ช้างแคระ อาจจะเป็นสัตว์ที่คนไทยสนใจมากที่สุด อาศัยอยู่ในรัฐซาบาห์ทางเหนือของเกาะบอร์เนียว มีเหลือประมาณ 1,000 ตัว เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา 40% ของผืนป่าแถบนี้ถูกทำลายจากการตัดไม้ และการปรับพื้นที่ให้เป็นสวนปาล์ม สวนยางพาราและการตั้งถิ่นฐานของชาวบ้าน พื้นที่ที่ช้างแคระอาศัยหากินเป็นที่เดียวกับที่ที่มีการตัดไม้มากที่สุดในซาบาห์

ตามความเข้าใจของคนเราทั่วไป ช้างในโลกปัจจุบันนี้จะมีเพียงสองชนิด คือช้างแอฟริกา และช้างเอเชีย ส่วนช้างแคระนั้นเรายังสงสัยมาตลอดว่ามีจริงหรือเป็นแค่ตำนาน แต่การค้นพบช้างแคระในป่าบอร์เนียว ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ช้างแคระน่าจะเป็นสายพันธุ์ย่อยของช้างเอเชีย แต่ยังต้องมีการศึกษาต่อไป ช้างแคระเหล่านี้มีขนาดสูงไม่เกิน 2 เมตรครึ่ง ขณะที่ช้างเอเชียทั่วไปจะสูงประมาณ 3 เมตร ลำตัวอ้วนกลมกว่า เชื่องกว่าช้างชนิดอื่น และในโลกนี้พบบนเกาะบอร์เนียวเท่านั้น

มีหลักฐานกล่าวว่า สมัยก่อนช้างแคระเคยอาศัยอยู่บนเกาะชวา และในศตวรรษที่ 18 สุลต่านบนเกาะชวาได้ส่งช้างจำนวนหนึ่งมอบเป็นของขวัญบรรณาการให้กับสุลต่านบนเกาะซูลูของฟิลิปปินส์ และสุลต่านได้นำมาปล่อยบนเกาะบอร์เนียว จนออกลูกออกหลานแพร่พันธุ์บนเกาะแห่งนี้ เพียงที่เดียวในโลก เป็นจำนวนนับพันตัวภายในเวลาไม่ถึง 300 ปี แต่ปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า

ไม่มีหลักฐานที่บอกว่าก่อนหน้านี้ช้างแคระมาอาศัยอยู่บนเกาะชวาได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือปัจจุบันมันสูญพันธุ์ไปหมดสิ้นแล้วบนเกาะชวา เช่นเดียวกับที่มีหลักฐานว่าเคยมีคนพบช้างแคระทางภาคใต้ของเมืองไทย เมื่อ 60 ปีก่อน

คนไทยเรียกช้างแคระชนิดนี้ว่า ช้างแกลบหรือช้างค่อม มีผู้พบครั้งสุดท้ายประมาณ พ.ศ.2490 บริเวณทางเหนือของทะเลสาบสงขลา

นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล นักอนุรักษ์ธรรมชาติชื่อดังผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้กล่าวถึงเรื่องช้างแคระในหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยประจำวันที่ 5 มิ.ย.พ.ศ.2506 ว่าเมื่อสิบปีก่อน ท่านเคยพบช้างแคระหรือช้างค่อมถึงสองครั้ง บริเวณทิศเหนือของทะเลสาบสงขลา โดยครั้งแรกพบ 7 เชือก ครั้งหลังพบ 4 เชือก ขณะที่ยืนกินหญ้าอยู่ตามหนองน้ำเห็นได้ชัดว่ารูปร่างสูงใหญ่เหมือนควายตามบ้าน มีนิสัยไม่ดุร้ายเหมือนช้างป่า พอถึงปี พ.ศ.2506 ได้ออกไปสำรวจอีกครั้ง แต่ไม่พบช้างประเภทนี้ และสืบสวนได้ความว่าเพราะส่วนหนึ่งชาวบ้านไล่ล่ามากินแทนเนื้อหมู

สาเหตุการสูญพันธุ์ของช้างแกลบ คงไม่ต่างจากปัญหาช้างถูกคุกคามที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในปัจจุบัน กล่าวคือช้างแกลบที่เคยอาศัยอยู่ตรงพื้นที่ป่าบริเวณนั้นเป็นป่าพรุเก่า ได้ถูกชาวบ้านบุกรุกเปลี่ยนเป็นท้องนา เมื่อช้างแกลบมากินข้าวในท้องนา ก็ถูกชาวบ้านลอบทำร้าย วิธีการขับไล่ ก็คือการขุดหลุมลึก 2-3 เมตรแล้วใช้โคมไฟไล่ให้ช้างตกไปในหลุม ล่าเอาเนื้อมากิน จนกระทั่งช้างแกลบหรือช้างแคระได้สูญพันธุ์ไปจากเมืองไทย

ขณะที่ป่าแก่งกระจานอันเป็นบ้านของช้างมาก่อน ก็ถูกชาวบ้านบุกรุกเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นไร่สับปะรด เมื่อช้างลงมากินสับปะรด ก็ถูกชาวบ้านรุมทำร้าย

คนไทยผูกพันและรักช้างมานานแล้ว การได้ทราบข่าวว่า ช้างแคระที่เคยมีในเมืองไทย ยังไม่สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ และอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านนี้เอง แม้จะมีภาวะถูกคุกคาม น่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนไทยทั่วไป ในบรรยากาศทางการเมืองอันเคร่งเครียด แบ่งฝักแบ่งฝ่าย

หากต่างฝ่ายยังไม่ยอมลดราวาศอก ยึดมั่นถือมั่นในอุดมการณ์ตัวเองว่าคือความถูกต้องฝ่ายเดียว ใครคิดต่างเลวหมด ไม่ยอมเปิดใจให้กว้าง รับฟังความเห็นที่แตกต่าง หันหน้าพูดคุยกัน แต่หนักไปทางใช้ความรุนแรง ก่อการจลาจล มีแนวโน้มจะฆ่ากันเองมากขึ้น

อีกไม่นานเผ่าพันธุ์ คนไทยอาจจะถูกประกาศว่าอยู่ในบัญชีรายชื่อสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์


หน้า 8
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01way03260452&sectionid=0137&day=2009-04-26


Rediscover Hotmail®: Now available on your iPhone or BlackBerry Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

รายการบล็อกของฉัน