บทบาทนักศึกษาในสถานการณ์ความรุนแรง: พลังบริสุทธิ์ที่ยังถูกกดทับด้วยอำนาจ | |||
Bungaraya News - ทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ และเกิดความอยุติธรรม ขบวนการนักศึกษามักจะลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมกลับคืนมา ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทุกประเทศทั่วโลกต่างได้จารึกขบวนการนักศึกษาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศแทบทั้งสิ้น เช่นเดียวกับประเทศไทย ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 16 ตุลาคม 2519 กระทั่งถึงพฤษภาทมิฬ 2535 ที่ขบวนการนิสิตนักศึกษาร่วมกับประชาชนยอมเสียเลือดเนื้อเพื่อประชาธิปไตย ได้บันทึกบทบาทของพลังนักศึกษาเอาไว้อย่างน่าภาคภูมิใจ ย้อนกลับมาที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ตั้งแต่แรกเริ่มที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องสูญเสียไป ขณะเดียวกันก็ยังไม่เกิดกระบวนการหาทางออกใดๆ ขบวนการนักศึกษาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูกตั้งคำถามถึงบทบาทที่ควรจะเป็น กระทั่งเหตุการณ์ม็อบมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ที่นำโดยกลุ่มเยาวชน นักศึกษา ในนาม "ศูนย์ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาและประชาชน" เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 4 มิถุนายน 2550 สรุปหลักใหญ่ใจความคือ เรียกร้อง เพื่อยกเลิกการเคอร์ฟิว และนำกองกำลังทหารออกนอกพื้นที่ เนื่องจากไม่ไว้ใจการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ทหาร ประกอบกับเกิดความรุนแรงกับชาวบ้านในพื้นที่ในห้วงเวลานั้น และมีข่าวลือสะพัดว่าเกิดจากฝีมือทหาร จึงเกิดการขับไล่ให้ทหารออกไปจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย แม้ว่าครั้งนั้นจะถูกเรียกว่า "ม๊อบปิดหน้า" เพราะมีการปิดหน้าตาด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัย แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาขบวนการนักศึกษาในพื้นที่ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่รัฐมากยิ่งขึ้น การเคลื่อนไหวหลังจากนั้นมักถูกเจือทัศนคติด้านลบจากเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เสมอ บ้างว่าเป็นการเคลื่อนไหวแอบแฝงของกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่ในขบวนการนักศึกษาเหล่านั้น จึงเกิดเป็นคำถามว่า ขบวนการนักศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะขับเคลื่อนกันอย่างไรต่อไป ภายใต้สถานการณ์ความรุนแรง และเพื่อเป้าหมายการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี นักศึกษาซึ่งนับได้ว่าเป็นพลชน ปัญญาชนที่ใช้สติปัญญาในการพัฒนาและการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ แต่การออกมาทำกิจกรรมของเหล่านักศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกตนเองว่า นักกิจกรรม กลับถูกจับตามองจากเจ้าหน้ารัฐ ว่าเป็นการเข้ามาแฝงตัวของกลุ่มขบวนการ นักกิจกรรมหนุ่มยังกล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรงว่าว่า อย่างแรกต้องแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน นั่นคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้พืชเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยางพารามีราคาสูงขึ้น ประชาชนอยู่ดีกินดี มีกำลังซื้อ สามารถเก็บออมได้ แน่นอนเหลือเกินว่าการแก้ปัญหาสังคมจะเป็นไปอย่างราบรื่น "และอีกปัญหาหนึ่งก็คือการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่เยาวชน ก็อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาใจใส่ให้ มากกว่านี้ เพราะบางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทุกเส้นทางที่จะเข้ามาสู่พื้นที่ 3 จังหวัดมีการวางกำลังเพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้ามาหรือหนีออกจากพื้นที่ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแต่ทำไมยาเสพติดจากนอกพื้นที่จึงสามารถเข้ามาแพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ได้ ซึ่งถ้าภาครัฐสามารถแก้ปัญหาสองสิ่งนี้ได้อย่างน้อยๆก็สามารถที่จะทำให้ปัญหาความไม่สงบทุเลาลงได้บ้าง" อดีตนายกองค์การบริหารนักศึกษา มอ.ปัตตานีให้มุมคิดและข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหา ส่วน ไลลา เจ๊ะซู เครือข่ายเยาวชนนักศึกษาเพื่อสันติภาพ (คยนส.) ได้ให้ภาพเกี่ยวกับบทบาทของนักกิจกรรมท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งว่า "สันติวิธีที่นักศึกษาใช้ คือการเป็นกระบอกเสียงแทนประชาชน พูดในสิ่งที่ชาวบ้านต้องการและสิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับคนที่นี่ การลงพื้นที่ แล้วนำข้อมูลที่เป็นปากเสียงของชาวบ้าน ปัญหา ความต้องการคนในพื้นที่ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องขยายฐานข้อมูล เพื่อสังคมภายนอกได้รับรู้" การลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาจากชาวบ้าน ซึ่งทางกลุ่มนักศึกษาหลายกลุ่มให้แสดงจุดยืนว่าพวกเขาเลือกที่จะเข้าข้างประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าเข้าข้างฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ ดั่งที่สื่อได้ประโคมข่าวออกไป และที่ผ่านมาชาวบ้านถูกละเลยจากเจ้าหน้าที่รัฐ การไม่เข้าความยุติธรรม กลุ่มนักศึกษาก็ได้ให้ความร่วมมือกับนักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชนในการให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมาย แต่การทำกิจกรรมของเหล่านักศึกษาก็ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่รัฐตั้งข้อสงสัยเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการเข้าตรวจค้นจับกุมนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาของเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 ที่บ้านพักนักศึกษาย่านชุมชนตลาดเก่า ถนนสิโรรส อำเภอเมือง จังหวัดยะลา จำนวน 5 คน เมื่อ วันที่ 15 สิงหาคม 2551 และ 15 มกราคม เดือนที่ผ่านมา ห้องพักของนายกองค์การฯ มอ.ปัตตานี ก็ถูกกองกำลังทหารจากชุดเฉพาะกิจ จ.ปัตตานี เข้ามาปิดล้อมและตรวจค้น เมื่อการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาในแนวทางที่พวกเขาเรียกว่าสันติวิธี กลับถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้บททดสอบด้วยการเข้าไปตรวจค้น จับกุมและควบคุมตัว กลุ่มนักศึกษาเหล่านี้เลือกจะเดินหน้าต่อไป หรือยุติการทำงานเพื่อสันติสุขไว้เพียงแค่นี้... ฆอฟเสาะ วานิ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ เอกฟิสิกส์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.หาดใหญ่) นักกิจกรรมสหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) เล่าถึงความรู้สึกเมื่อเห็นนักศึกษาถูกคุกคาม"บ้างทีก็ท้อและก็กลัว แต่เราก็จะมีการให้กำลังใจระหว่างทีมงานกันเอง เราจะมีคติอยู่อย่างหนึ่งว่า การงานที่เราทำไปแล้ว ถ้าไม่ท้อ ไม่เหนื่อยหรือไม่ประสบกับปัญหาก็แสดงว่าเรายังไม่ทุ่มเท ถ้าเราทุ่มเท การงานที่ทำอุปสรรคก็ต้องมีมาก และก็ชะตาของชาวบ้านและสังคมก็ขึ้นอยู่กับเราบ้างบางส่วน ถ้าเราท้อและถอยจะเกิดอะไรขึ้น" ทั้งหมดคือความคิดความอ่านของปัญญาชนที่รัฐควรเปิดพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นอย่างจริงจัง ระยะเวลาแห่งความรุนแรงตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจอีกมาก ต้องยอมรับว่าปัญหาสังคมในขณะนี้คือปัญหาความอยุติธรรม ในบางครั้งพลังบริสุทธิ์อย่างนักศึกษาที่อาสาลงไปช่วยเหลือประชาชนยังโดนเล่นงาน ทำให้อดคิดไม่ได้ หรือการแก้ปัญหาจะถูกผูกขาดโดยรัฐเพียงฝ่ายเดียว และหากเป็นเช่นนั้นจริง อะไรจะเกิดขึ้น ไฟใต้ที่ลุกลามอย่างรุนแรงมายาวนานตลอด 5 ปีคงไม่มีวันมอด หากรัฐยังคงคิดว่าอำนาจการแก้ปัญหาอยู่ที่ตนเองเท่านั้น!!!...
| |||
|
Windows Live™ SkyDrive™: Get 25 GB of free online storage. Check it out.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น