มาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤติการท่องเที่ยว
วันนี้ สิงห์หนองจอก ได้รับข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการปิดท่าอากาศยานของกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2552 ลงมติเห็นชอบให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณานำเสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤติการท่องเที่ยว จากผลกระทบการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง และการก่อความไม่สงบของกลุ่มผู้ชุมนุม
สถานการณ์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2552
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติขั้นรุนแรง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงจาก 14.1 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2551 เหลือเพียง 10.9 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2552 ลดลง 3.2 ล้านคน หรือคิดเป็น ร้อยละ 22.8 ประกอบกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจำเป็นต้องลดราคาค่าบริการลง โดยเฉลี่ยคิดเป็นประมาณร้อยละ 12 ทำให้คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวต่างประเทศ จะลดลงจาก 540,000 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2551 เหลือเพียง 350,000 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2552 ลดลง 190,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 35 สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองขั้นรุนแรงในเดือนเมษายน 2552 อาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศต่อไปอีก ประมาณ 4 - 6 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องรับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ ที่มีมาตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2551 นับเนื่องรวมถึงขณะนี้กว่า 9 เดือนแล้ว ซึ่งหากต้องรับผลกระทบต่อไปอีก 5 - 6 เดือน รวมเป็นประมาณ 15 เดือนแล้ว สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่าจะมีผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการลง และบางรายต้องปรับลดการบริการซึ่งจะมีผลต่อการลดการจ้างแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประมาณร้อยละ 10 ของการจ้างแรงงานทางตรงทั้งหมด 2.57 ล้านคน หรือคิดเป็นจำนวนการว่างงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะสูงถึง 257,000 คน
มาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤติการท่องเที่ยว มีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
มาตรการด้านการเงิน
1.ให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการจัดสรรเงินประจำงวด ครั้งที่ 3 ภายในวงเงิน 278,347,815.89 บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบวิกฤติด้านการท่องเที่ยว โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในวงเงิน 1,912.97 ล้านบาท โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อจัดสรรงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้จัดสรรเงินประจำงวดครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว จำนวน 229.2018 ล้าน)
2.ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการพิจารณาผ่อนปรนวิธีปฏิบัติในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ขาดสภาพคล่องได้กู้ยืม โดยให้ถือเสมือนการปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขและดอกเบี้ยผ่อนปรนให้กับเกษตรกร เนื่องจากผู้ประกอบการทุกระดับในปัจจุบัน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำลังอยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง หากผู้ประกอบการต้องหยุดกิจการจะทำให้สูญเสียศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศในอนาคต และเกณฑ์ในการใช้บัญชีธนาคารแสดงรายการสถานะการเงินของธุรกิจท่องเที่ยวนั้น (Statement) ย้อนหลังตั้งแต่ปีพ.ศ. 2550 - 2552 หรือใช้เกณฑ์ในการยืนยันว่ามีที่ปรึกษาทางธุรกิจช่วยกำกับการบริหารจัดการได้ หรือใช้วิธีการค้ำประกันไขว้ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจด้วยกัน หรือโดยการออกหนังสือของคู่ค้า เพื่อรับรองว่าผู้ประกอบการธุรกิจที่ขอกู้ยืมเงินมีอนาคตที่ดี เป็นต้น ในเรื่องนี้รัฐสมควรรับความเสี่ยงบางส่วนเพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวมิต้องปิดกิจการลง (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 อนุมัติหลักการโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ วงเงินทั้งสิ้น 245.5 ล้านบาท ภายในวงเงินกู้ยืม 5,000 ล้านบาท)
มาตรการด้านภาษี
อนุมัติให้ส่วนราชการที่ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ขยายระยะเวลาออกไป 1 รอบปี นับแต่วันที่กฎหมาย หรือระเบียบของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบมีผลบังคับใช้
1.การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย
2.การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน
3.การลดหย่อนค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติลงร้อยละ 50 สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศและคนไทยในพื้นที่อุทยานทั่วประเทศ
มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว
1.ให้ส่วนราชการขยายเวลาการปรับแผนการฝึกอบรม จัดสัมมนา และดูงานในประเทศให้มากขึ้นแทนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และดูงานในต่างประเทศ ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 เพื่อเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ
2.ให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการจัดสรรงวดเงินงบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 1,000 ล้านบาท ให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการตลาด
3.ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยพิจารณาแก้ไขปัญหาที่บริษัทประกันภัยในต่างประเทศไม่รับประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางมายังประเทศไทย โดยเฉพาะที่มีภัยจลาจล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
4.ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาร่วมกับสมาคมธนาคารไทยในการผ่อนปรนการจัดลำดับธุรกิจการท่องเที่ยวให้เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงไม่สูง เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ และอื่นๆ ได้ เพื่อเป็นการผ่อนปรนวิกฤติการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
5.ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังธนาคาร และแหล่งเงินกู้ต่างๆ ในการพิจารณากลุ่มธุรกิจที่ควรได้รับการส่งเสริม และเยียวยาเป็นพิเศษ
เป็นอย่างไรบ้างครับ มาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤติการท่องเที่ยวครั้งนี้ ท่านผู้อ่านคิดว่าจะสามารถกอบกู้วิกฤติ และต่อลมหายใจให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวทั้งหลายให้สามารถประกอบกิจการต่อไปได้หรือไม่ ติดตามกันอย่างใกล้ชิดนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น