|
ข่าววันที่ 25 เมษายน 2552 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ
|
|
|
สัญจร เนติ โชติช่วงนิธิ บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ใจไม่เปลี่ยนแปลง เป็นทริปหนึ่งของการเดินทางบนถนนหลวงที่ไม่ราบเรียบ ที่ทอดเหยียดยาวผ่านแม่น้ำคู่ขนานไปขุนเขา และหมู่บ้านในระยะทาง 160 กว่ากิโลเมตรจากท่าขึ้เหล็ก-เชียงตุงในพม่า นักประวัติศาสตร์บอกว่า สยามประเทศเคยกรีฑาทัพตั้งค่ายพักแรมเมืองพยาก ทั้งแม่ทัพ นายกอง พร้อมพลศึก ช้าง ม้า วัว บรรทุกศาสตราวุธและสัมภาระผ่านเส้นทางนี้ แล้วใช้เวลา 9 วันเดินทางขึ้นเขาลงห้วยขึ้นไปตีนครเชียงตุงชนเผ่าไทเขิน(ขึน) เมื่อราว 160 ปีมาแล้วในสมัยรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4 ถึง 3 ครา (พ.ศ.2392-2397) แต่พ่ายเรียบ ด้วยเหตุปัญหาหลายเรื่อง อย่างหนึ่งก็คือภูมิประเทศและสภาพอากาศอันหนาวเหน็บและร้อนแห้งในดงเขา ส่งผลให้พลศึกป่วยไข้ อีกร่วม 90 ปีต่อมา การศึกยึดนครเชียงตุงครั้งที่ 4 (พ.ศ.2484-2485) ของไทย(สยามเป็นไทย พ.ศ.2482) ประสบความสำเร็จ แต่ก็ครอบครองนครเชียงตุงได้ไม่นาน เมื่อไทยพลั้งพลาดในสงครามโลกครั้งที่ 2 จำส่งมอบให้สหประชาชาติดูแลปกครอง จากนั้นพม่าได้ดำเนินการปกครองนครเชียงตุงมาจนถึงปัจจุบัน บนเส้นทางสายท่าขี้เหล็กมุ่งสู่เชียงตุง จะว่าไปแล้วเป็นเส้นทางคาราวานทั้งการเผย แพร่ศาสนาพุทธอินเดียและการค้ามาแต่โบราณ ดังที่ คุณทองแถม นาถจำนง ได้พรรณนาความไว้ในหนังสือ "เส้นทางสายฝัน" วรรคหนึ่ง "หากย้อนรอยฉากประวัติศาสตร์จะแลเห็นภาพขบวนม้า ลาและวัวต่างบรรทุกสินค้าจากเชียงใหม่ เชียงราย ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ไต่ขึ้นเส้นทางสูงชันแคบๆ ข้างทางสภาพหุบเหวลึกชนวนเสียวสยอง มุ่งหน้าสู่เชียงตุงเขมรัฐคร(เมืองแห่งความเกษมสำราญ ตั้งนามขึ้นเพื่อแก้เคล็ด)" จากเส้นทางเกวียนโบราณ ได้แปรสภาพถนนขรุขระลูกรัง แล้วลาดยางมะตอยเมื่อร่วมยี่สิบปีที่แล้ว บัดนี้กลายเป็นถนนที่ไม่ราบเรียบ ด้วยสภาพหลุมบ่อและโคลน บางช่วงของถนนบนไหล่เขาเกือบจะตัดขาดแยกออกจากกันด้วยพลังของน้ำฝนที่กัดเซาะ แต่วิวทิวทัศน์งดงามนัก มีลำธารน้ำที่ออล้อกระทบกับแก่งหินคุ้งแล้วคุ้งเล่า "นี่..ถ้าเป็นเมืองไทย ป่านนี้โรงแรม รีสอร์ท คงผุดขึ้นตามชายเขาชายน้ำเป็นดอกเห็ด ทัวร์ล่องแก่งเป็นว่าเล่น แต่นี่เป็นพม่ายังคงสภาพธรรมชาติไว้ได้อยู่ แม้จำนวนไม่น้อยได้แปรสภาพภูเขาหัวโล้น และทำนาขั้นบันได" ถนนสายนี้ สมัยหนึ่งการเมืองระหว่างประเทศ พม่า จีน ลาว ไทย จะเชื่อมให้เป็นเส้นทางสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ และเพื่อการท่องเที่ยวอารยธรรม 5 เชียง ที่พุ่งออกไปจากท่าขี้เหล็ก(เชื่อมต่อแม่สายของไทย) สู่เชียงตุง ต่อไปเมืองลา(90กิโล เมตร) และเชียงรุ่งในสิบสองปันนา และจากเส้นทางเชียงรายสู่เชียงแสนไปเชียงทอง(หลวงพระบาง) อย่างที่คุณทองแถมให้นิยาม "เส้นทางสายฝัน" มิมีผิด ดังนี้แล้วจะแลเห็นกองคาราวานสินค้าและนักท่องเที่ยวจากไทยและประเทศอื่นๆ กิน เที่ยว หลับนอนกระจายตัวอยู่หัวเมืองเชียงต่างๆ ถนนสายนี้ จะทอดยาวเหยียดจากแผ่นดินประเทศใดก็ตาม ด้านหนึ่งแล้วแลเห็นสังคมวัฒน ธรรมของเผ่าพันธุ์ไท โดยเฉพาะภาษาพูดและตัวเขียนพื้นเมือง อันสายสัมพันธ์ปรากฏฉายภาพให้เห็นอยู่เหมือนวันวาน | | รูปประกอบข่าว | | http://www.siamrath.co.th/uifont/NewsDetail.aspx?cid=70&nid=36815 |
Rediscover Hotmail®: Get e-mail storage that grows with you.
Check it out.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น