| วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11376 มติชนรายวัน
กบกะเขียด ตัวหนอนกะนกแก้ว ของวงการลูกปัด
คอลัมน์ แกะ(รอย)ลูกปัด
โดย บัญชา พงษ์พานิช plearnstan@gmail.com
ถัดจากนกยูงและม้าทั้งหลาย ที่ทำให้ผมแทบหงายหลังดังตึงคือ " "กบกะเขียด"" ของวงการลูกปัด
ลูกปัดแบบนี้ ในตำราสากลเรียกว่า ""Biconal Glass Beads"" หรือถ้าจะแปลก็น่าจะหมายถึง " "ลูกปัดแก้วทรงกรวยประกบกัน" " แล้วชาวบ้านพากันเรียกว่า "กบกะเขียด" ได้อย่างไร
คำอธิบายที่ผมได้ก็แสนง่าย "ก็ดูเหมือนแก้วสองชิ้นที่เอามาประกบกัน โดยมีแถบสีขาวคั่นตรงรอยประกบ คนใต้เราเรียกสั้นๆ ว่า (เอามา) "กบกัน" ตอนหลังก็เหลือแต่ "กบ" ต่อมาเมื่อพบมีเม็ดเล็กๆ ด้วย ก็เลยได้ชื่อตาม กบ เม็ดใหญ่ ออกมาเป็น "เขียด" เม็ดเล็ก ก็เท่านั้นเอง" โดยลูกปัดกบกะเขียดนี้มีพบแต่ที่ท่าชนะ คลองท่อม และบางกล้วยเป็นหลัก เฉพาะที่บางกล้วยมีพบเม็ดแตกเป็นจำนวนมาก จนสงสัยว่าอาจจะมีการผลิตที่บางกล้วยด้วย
ส่วนลูกปัด ""ตัวหนอนกะนกแก้ว" " นั้นผมพบมากที่ไชยา ลูกปัดทั้งสองชนิดนี้แม้ไม่ถึงกับหงายหลังเมื่อแกะรอยออกได้ แต่ก็ต้องยอมรับในจินตนาการอันเหลือเฟือของแวดวงคนรักลูกปัด เพราะตัวหนอนที่ว่านั้นคือ ลูกปัดแก้วสลับสีที่ทำจากการนำแผ่นแก้วมีแถบหลายสีมาม้วนพันเป็นหลอดยาวคล้ายตัวหนอนสีสดทั้งหลาย ในขณะที่นกแก้วนั้นเป็นเพียงลูกปัดแก้วสองสี คือสีเขียวกับเหลือง ซึ่งเป็นสีพื้นฐานของนกแก้วเมืองไทย ไม่ว่าจะมีรูปทรงไหน ถ้าสีเขียวเหลืองเป็นเรียกว่านกแก้ว เท่าที่พบเห็นมีทั้งแบบสองสีต่อประกบกัน และแบบสองสีซ้อนกัน
แต่ที่น่าสนใจและอาจใช้เป็นรอยอ้างอิงได้ก็คือ ในสารบบลูกปัดโลกเรียกลูกปัดสีเขียวเหลืองหรือนกแก้วของคนไทยเราว่า "Ptolemic Beads" โดยให้คำอธิบายไว้ว่าคือ ลูกปัดแก้วสมัยโรมันจากอียิปต์อย่างไม่ต้องสงสัย (undeniably Ptolemic or Roman Period Glass Beads) และคุณหมอเจมส์ลงในตาราง Bead Timeline ว่าเป็นลูกปัดในกลุ่มอียิปต์และโรมัน (Egypto-Roman) ระหว่างคริสตวรรษที่ 1-2 พร้อมกับระบุด้วยว่า are strongly associated with Egypt from the 2 nd to 5th centuries หรือ เกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดมากกับอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณคริสตวรรษที่ 2-5 ซึ่งเก่ากว่ายุคสมัยของดินแดนไชยาและเกาะคอเขาที่พบลูกปัดนี้ในเมืองไทย อาจจะเป็นของเก่าเมื่อคริสตวรรษที่ 1-5 ที่เพิ่งเอาเข้ามาในสมัยศรีวิชัย (คริสตวรรษที่ 7-8) ที่การค้าข้ามโลกบนเส้นทางสายไหมทางทะเลกำลังรุ่งเรืองก็เป็นได้
ส่วน "ลูกปัดตัวหนอน" ที่พบร่วมกันในดินแดนไชยาและเกาะคอเขานั้น คุณหมอเจมส์ให้ไว้ในระยะเวลาเดียวกันคือ ประมาณคริสตวรรษที่ 2 ในขณะที่ลูกปัดแบบสีซ้อน คือเป็นหลอดแก้วชั้นนอกสีเขียวชั้นในสีเหลือง ที่พากันเรียกว่าลูกปัดนกแก้วด้วยนั้น ผมยังตามหาร่องรอยจากที่อื่นไม่พบ ทั้งนี้ อาจเป็นพัฒนาการอีกขั้นของก้านผักบุ้งที่เคยแกะรอยไว้แล้ว
ถึงตอนนี้ขอวกกลับไปที่ "กบกะเขียด" ที่ทำจากแก้วสีขาวดำหรือน้ำตาล แบบเดียวกับลูกปัดม้าต้นตระกูล ซึ่งพบในพื้นที่ที่มีอายุก่อนกว่า โดยคุณหมอเจมส์วางไว้ใน Bead Timeline ที่ประมาณ 200-100 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งน่าจะช่วยเสริมจินตนาการเรื่องม้า กบ เขียด หนอนและนกแก้วของชาวบ้าน ด้วยสมมุติฐานพัฒนาการแก้วจากลูกปัดเลียนแบบหินอเกต (Agate Glass) มาเป็นลูกปัดแก้วหลากสี (Polychrome Glass) เมื่อต้นคริสตกาลหรือประมาณสองพันปีที่แล้วถึงสมัยศรีวิชัย เมื่อพันปีที่แล้วก็อาจจะได้
ท่านใดพบร่องรอยอื่นใดกรุณาบอกด้วยนะครับ
หน้า 21
| http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01sun03030552§ionid=0120&day=2009-05-03 | | |
Hotmail® has ever-growing storage! Don't worry about storage limits.
Check it out.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น