วันที่ 19 พฤษภาคม 2552 เวลา 00:00 น.
มีทั้งโลภ-มีทั้งของจริง! 'ป้ายยารูดทรัพย์' มันกลับมา 'ดุอีกแล้ว'
...นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำบอกเล่าในอีเมลที่ถูกส่งต่อ ๆ กันไปเพื่อเตือนภัย "ป้ายยารูดทรัพย์" ซึ่งกับกรณีข้างต้นนี้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อระบุว่าไปโดนในห้างดังแห่งหนึ่งย่านบางแค พร้อมเล่าพฤติการณ์ของแก๊งนี้ด้วยว่า... แก๊งนี้มันใช้วิธีกรูเข้ามา "โวยวายกล่าวหาว่าเหยื่อเก็บกระเป๋าสตางค์ของพวกมันได้" พอเหยื่ออายคนก็จะยอมตามมันไปหามุมอับเพื่อเคลียร์ว่าไม่จริง แล้วพอได้สติอีกทีทรัพย์สินติดตัวก็ "เกลี้ยง !!" "ตำรวจบอกว่าคนร้ายนี่เก่งเนอะ คือเจอเคสแบบนี้ที่ (ห้างดังย่านบางแค) บ่อยมาก แล้วก็ไม่มีเหยื่อสักรายที่จำหน้าคนร้ายได้ เราก็ยังงงว่ามันเป็นไปได้ยังไง สันนิษฐานว่าในช่วงเวลาที่คนร้ายกำลังเอะอะ โวยวายร้องไห้ แล้วเค้าคงมียาหรืออะไรบางอย่างมาแตะตัวเรา แล้วเราจึงเบลอไป" ...นี่ก็เป็นอีกส่วนจากคำบอกเล่า หรือคดี "ป้ายยาแล้วรูดทรัพย์" กำลังระบาดมากอีกแล้ว ?? แล้ว "ยา" ที่ป้าย-ที่ทำให้เหยื่อ "ไม่รู้ตัว" มันมีจริงหรือ ?? ทั้งนี้ กับเรื่องของ "ยา" นั้น นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิ การสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บอกกับ "สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์" ว่า... ยาประเภทที่ทำให้ไม่รู้สึกตัว ไม่มีสตินั้น มีอยู่จริง พร้อมยกตัวอย่างว่าเช่นยา "แอลเอสดี (Lysaergic acid diethylamide)" ซึ่งมีฤทธิ์หลอนประสาทอย่างแรง จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยเป็นสารที่ผลิตขึ้นมาจากราที่ขึ้นอยู่ตามเมล็ดข้าวไร่ ไม่มีกลิ่น มีรสขมเล็กน้อย มีการนำมาใช้เป็นยาเสพติด ส่วนมากนิยมเสพโดยการรับประทาน มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ เม็ด แคปซูล แผ่นเจล และของเหลวบรรจุหลอดแก้ว นพ.พิพัฒน์บอกว่า... ที่เคยพบแพร่ระบาดมากมีลักษณะเป็นแผ่นกระดาษชุบหรือเคลือบสารแอลเอสดี แล้วแบ่งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ โดยมีลวดลายสีสันคล้ายแสตมป์ เรียกกันในหมู่นักเสพว่า "แสตมป์เมา" หรือ "กระดาษเมา" ต่อมาก็พัฒนารูปแบบเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีการใช้วิธี "ป้ายสัมผัส" เพราะซึมผ่านผิวหนังได้ "แอลเอสดีนี้ผลิตในอเมริกา สมัยก่อนใช้รักษาผู้ป่วยโรคจิต แต่ตอนหลังเลิกผลิตเพราะมีฤทธิ์ข้างเคียงเยอะ ทั้งตาหลอน หูหลอน ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่ม เหงื่อออก นอนไม่หลับ ปากสั่น ส่วนการเสพเป็นยาเสพติดก็จะออกฤทธิ์เร็ว มีฤทธิ์อยู่นานหลายชั่วโมง คนเสพจะมีอาการหลอน เห็นภาพเหตุการณ์หรือ ประสบการณ์ในอดีต ซึ่งผู้ที่เสพเป็นเวลานานจะทำให้เป็นโรคจิตได้ ตอนหลังที่มีการแพร่ระบาดในไทยเข้าใจว่านักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่มลักลอบ นำเข้ามา และขยายไปยังกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน จนไปถึงกลุ่มมิจฉาชีพ" ...เลขาฯ อย. ยังบอกอีกว่า... การเสพแอลเอสดีนั้นอันตราย จะเกิดอาการประสาทหลอน โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ที่ไม่ดีจะทำให้หวนคิด ถึงเหตุการณ์เลวร้ายนั้น ๆ ทำให้เกิดความหวาดกลัว ตกใจ สับสน กระวน กระวาย สูญเสียการควบคุม ซึ่งก็จะทำให้ผู้เสพกระทำอันตรายต่อร่างกายตนเองหรือผู้อื่นได้ ทั้งนี้ สำหรับโทษของผู้นำเข้ายานี้คือ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท จากเรื่องของยา มาต่อที่เรื่อง "คดีรูดทรัพย์ซึ่งเหยื่อคิดว่าถูกป้ายยา" ทั้งนี้ พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี (ปดส.) ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำคดีแบบนี้มาไม่น้อย บอกกับทีม "สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์" ว่า... "ถ้าจะ มีการใช้ยาอะไรเพื่อก่อเหตุลักษณะนี้ก็อาจเป็นพวกยาเสพติดหรือยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง" แต่จากที่เคยทำคดีแบบนี้มาหลายสิบคดีแล้วก็ยังไม่เคยเจอยาพวกนี้โดยตรง ซึ่งผู้เสียหายหรือเหยื่อจะบอกว่าโดนสัมผัสตรงนั้นตรงนี้แล้วรู้สึกเย็น ๆ วูบ ๆ ตาลาย เวียนหัว มึนงง สะลึมสะลือ ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ แต่คนร้ายที่ถูกจับได้มักจะบอกว่าไม่ได้ใช้ยาใด ๆ "คนร้ายมักบอกว่าแค่ใช้การพูดคุย ชักชวน หลอกล่อ ข่มขู่ ซึ่งจะประเมินดูว่าเหยื่อมีบุคลิกอย่างไร ควรใช้วิธีการไหนจึงจะเหมาะ แล้ววางแผนนัดแนะกันก่อนลงมือ" ...พ.ต.อ.วรพงษ์ระบุ พร้อมทั้งบอกอีกว่า... แผนของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธี "ตก" เช่นใช้ ทอง หรือ กระเป๋าเงิน มาล่อใจเหยื่อ "ถ้ามีความโลภ อยากได้ของคนอื่น ร้อยทั้งร้อยมักตกเป็นเหยื่อ" ดังนั้น ใครมาชักชวน คนแปลกหน้าเกลี้ยกล่อมเอาผลประโยชน์โดยมิชอบมาให้ ไม่ควรเชื่อ ต้องป้องกันตัวเองด้วยการอย่าโลภ ซึ่งการเจอของคนอื่นแล้วแบ่งกัน ถึงไม่ใช่การหลอกลวงก็ผิดกฎหมายกรณีทรัพย์ตกหาย มีโทษจำคุก 3 ปี "แต่นับวันภัยสังคมเหล่านี้ก็อันตรายมากขึ้น มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือยุทธวิธีล่าเหยื่ออยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เหยื่อไหวตัวทันจากวิธีการแบบเดิม ๆ เช่นแก๊งมิจฉาชีพอาจใช้วิธีสร้างสถานการณ์ให้เกิดความชุลมุน หรือไม่ก็ทำเหยื่อตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน แล้วลงมือ" ...พ.ต.อ.วรพงษ์ระบุ สรุปแล้ว "ยา" ที่อาจจะถูกนำมาใช้ "ป้ายรูดทรัพย์" ก็มีจริง ๆ ขณะที่ "เพราะโลภ" และ "วิธีรูดทรัพย์ใหม่ ๆ" ก็อย่าละเลย ยุคนี้แก๊งมิจฉาชีพลักษณะนี้มันกลับมาดุ-มาอาละวาดอีกแล้ว !!. http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=73894&NewsType=2&Template=1 |
What can you do with the new Windows Live? Find out
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น