วันที่ 26 พฤษภาคม 2552 เวลา 00:00 น.
ปรากฏการณ์ชายหาด 'เต่าทะเลวางไข่' 'ฝั่งอ่าวไทย' ครั้งแรก?
|
"น่าจะเป็นบันทึกครั้งแรกของประเทศไทย ในการพบเจอแหล่งวางไข่ตามธรรมชาติของเต่าทะเลบริเวณหาดทรายชายฝั่งของอ่าวไทย ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึงก้นอ่าวไทย ปกติเต่าตนุจะวางไข่เพียง 2 พื้นที่คือที่เกาะคราม จ.ชลบุรี และเกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช เต่าตนุจะใช้พื้นที่ชายหาดที่สงบปราศจากการรบกวนของมนุษย์ พื้นที่ไหนที่เต่าตนุวางไข่ เมื่อถึงรุ่นลูกก็จะกลับมาวางไข่ซ้ำในพื้นที่เดิม" ...เป็นการระบุของ สำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กับ "บันทึกแรก" เกี่ยวกับ "เต่าทะเล" ด้านอ่าวไทย กับการ "วางไข่ชายหาดทะเลฝั่งอ่าวไทย" ที่เพิ่งเกิด... 4 พ.ค. 2552 ที่ผ่านมา...มีรายงานว่าแกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทับสะแก ได้ร่วมกับชาวบ้าน ทำการช่วยเหลือลูก "เต่าตนุ" ที่เพิ่งออกจากไข่ ที่บริเวณ ชายหาด หมู่บ้านแหลมกุ่ม หมู่ที่ 7 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากก่อนหน้ามีคนพบลูกเต่าที่ตายแล้วหลายตัว โดยการดำเนินการช่วยลูกเต่าดังกล่าวนี้ได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร ทั้งนี้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า... ปัจจุบันเต่าทะเลในไทยอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะเหลือจำนวนที่พบที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ไม่ถึง 500 ตัว เนื่องจากชายหาดที่เป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลถูกรุกคืบจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งล่าสุดเหลือชายหาดที่เต่าทะเลสามารถวางไข่ตามธรรมชาติได้เพียงไม่กี่แห่ง ขณะที่ "การพบการวางไข่ตามธรรมชาติของเต่าตนุบริเวณหาดทรายชายฝั่งอ่าวไทย น่าจะถือเป็นบันทึกครั้งแรกของประเทศไทย" "เต่าตนุ" เป็นเต่าทะเลกระดองแข็ง เป็นสัตว์สงวนและคุ้มครอง อยู่ในบัญชีอนุสัญญาไซเตสบัญชีที่ 1 ถือว่าใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเต่าตนุจะวางไข่ได้หลายชุด เว้นระยะราว 7-10 วันต่อ 1 ชุด เมื่อโตเต็มที่จะวัดขนาดกระดองได้ 90-100 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 110-180 กิโลกรัม บริเวณพายมีเล็บแหลม กระดองเป็นเกล็ดเรียงกันมีสีน้ำตาลโอลีฟ หรือสีดำ ส่วนใต้ท้องกระดองมีสีเหลืองหรือสีครีมอ่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่ชาวบ้านได้ตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เต่าทะเล ตั้งแต่พื้นที่วางไข่ ไปจนถึงแหล่งหากินของมัน "ทางกรมฯเองก็ได้ทำแผนอนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเลแบบยั่งยืน ต่อจากการอนุรักษ์และเพาะพันธุ์เต่าทะเลเพื่อปล่อยสู่ธรรมชาติที่เกาะมันใน ได้เสนอต่อที่ประชุมอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทาง ชีวภาพครั้งที่ 5 ที่เยอรมนี เกี่ยวกับกิจกรรมอนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเล เป็นโครงการเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตโลก อนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเล และได้เสนอให้เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระหว่างประเทศ (Ramsar Site) ประเภทพื้นที่คุ้มครองทางทะเล โดยเกาะกระมีชายหาดที่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ได้ ยังห่างไกลจากการรบกวนโดยกิจกรรมมนุษย์ เพื่ออนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเลอีกแห่งหนึ่งของไทย" ...อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุ ด้าน อติชาติ อินท์ทองคำ นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร เสริมถึงการ พบแหล่งวางไข่ของเต่าตนุบริเวณหาดทรายชายฝั่งอ่าวไทยว่า... ได้รับ แจ้งให้เข้าสำรวจพื้นที่พบแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล ซึ่งได้ขุดทรายในจุด ที่ชาวบ้านระบุว่าเจอลูกเต่า ขุดลงไปราว 80 เซนติเมตร ก็ พบลูกเต่าตนุที่ออกจากไข่กำลังแหวกทรายขึ้นมาพอดี 8 ตัว พบซากเปลือกไข่เต่า มีร่องรอยการแตกตัวไปแล้ว 118 ฟอง และพบไข่เต่าที่ไม่สมบูรณ์อีก 10 ฟอง ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ทะเลลดลงไปมาก โดยเฉพาะกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ซึ่งรวมถึงโลมา วาฬ พะยูน เต่าทะเล ก็เนื่องจากถูก มนุษย์รบกวนพื้นที่แหล่งที่อยู่อาศัยและแพร่พันธุ์ เช่น การทำประมง การท่องเที่ยวทางทะเล และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งแนวทางจัดการเบื้องต้นเพื่อดูแลและอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากนั้น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งก็เร่งฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งแพร่พันธุ์ เข้มงวดและรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการต่าง ๆ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน หน่วยงานเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทุกภาคส่วน "สิ่งที่สำคัญของการค้นพบครั้งล่าสุดนี้ ไม่ใช่มีคุณค่าเพียงแค่งานในเชิงอนุรักษ์ หรือเผ่าพันธุ์ของสัตว์ แต่เต่าทะเลยังได้ให้คุณค่าที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น คือการทำให้คนในชุมชนได้หันมามองรากฐานของชุมชน ว่ามีสิ่งที่ดี มีคุณค่า ที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาไว้อย่างยั่งยืน ส่งต่อสู่ ลูกหลาน ซึ่งชุมชนที่ดีและเข้มแข็งต้องมาจากความรู้สึกหวงแหนในถิ่นเกิดก่อน นี่เป็นสัญชาตญาณที่ดี เป็นสัญญาณที่ดีในการร่วมกันปกป้องรักษาสิ่งที่มีคุณค่าให้คงอยู่สืบต่อไป" ...นักวิชาการประมงกล่าว ซึ่งกับ "เต่าทะเล" นั้น ไม่ว่าจะเป็น... เต่าตนุ, เต่ามะเฟือง, เต่ากระ, เต่าหญ้า, เต่าหัวค้อน ซึ่งเป็น 5 ชนิดของเต่าทะเลที่พบในไทย จะชนิดไหน ที่ ไหนก็ควรจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้ จากในอดีตที่ผ่านมามีแต่การทำลายกันเป็นหลัก ชีวิตของ "เต่าทะเล" ก็บ่งบอกเรื่องราวของทะเลไทยได้มาก จะดีไม่น้อยถ้ามี "บันทึกหน้าใหม่ในทางดี" เกิดขึ้นต่อเนื่อง ไม่ดีแน่ถ้าบันทึกใหม่จะกลายเป็น "บันทึกสุดท้าย" ด้วย !!. |
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=74190&NewsType=2&Template=1
Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น