บ.ซีแคนูไทยแลนด์ จำกัด บ้าน ร๊อคการ์เด้นท์ 125/461 บ้านทุ่งคา - บ้านสะปำ ต. รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ 076 528839 - 40 โทรสาร 076 258841 อีเมล์: info@seacanoe.net เว็บไซต์ http://www.seacanoe.net/ Please visit my blog.Thank you so much. http://www.sanamluang.bloggang.com / http://tham-manamai.blogspot.com / http://www.parent-youth.net/ http://www.tzuchithailand.org/ http://www.pdc.go.th/ http://www.presscouncil.or.th / http://thainetizen.org/ http://www.ictforall.org

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Bookmark and Share
Blognone

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ปรากฏการณ์ชายหาด 'เต่าทะเลวางไข่' 'ฝั่งอ่าวไทย' ครั้งแรก?

วันที่ 26 พฤษภาคม 2552 เวลา 00:00 น.
 
 
ปรากฏการณ์ชายหาด 'เต่าทะเลวางไข่' 'ฝั่งอ่าวไทย' ครั้งแรก?
"น่าจะเป็นบันทึกครั้งแรกของประเทศไทย ในการพบเจอแหล่งวางไข่ตามธรรมชาติของเต่าทะเลบริเวณหาดทรายชายฝั่งของอ่าวไทย ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึงก้นอ่าวไทย ปกติเต่าตนุจะวางไข่เพียง 2 พื้นที่คือที่เกาะคราม จ.ชลบุรี และเกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช เต่าตนุจะใช้พื้นที่ชายหาดที่สงบปราศจากการรบกวนของมนุษย์ พื้นที่ไหนที่เต่าตนุวางไข่ เมื่อถึงรุ่นลูกก็จะกลับมาวางไข่ซ้ำในพื้นที่เดิม" ...เป็นการระบุของ สำราญ รักชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) 
 
กับ "บันทึกแรก" เกี่ยวกับ "เต่าทะเล" ด้านอ่าวไทย
กับการ "วางไข่ชายหาดทะเลฝั่งอ่าวไทย" ที่เพิ่งเกิด...
 
4 พ.ค. 2552 ที่ผ่านมา...มีรายงานว่าแกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทับสะแก ได้ร่วมกับชาวบ้าน ทำการช่วยเหลือลูก "เต่าตนุ" ที่เพิ่งออกจากไข่ ที่บริเวณ ชายหาด หมู่บ้านแหลมกุ่ม หมู่ที่ 7 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากก่อนหน้ามีคนพบลูกเต่าที่ตายแล้วหลายตัว โดยการดำเนินการช่วยลูกเต่าดังกล่าวนี้ได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร
 
ทั้งนี้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า... ปัจจุบันเต่าทะเลในไทยอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะเหลือจำนวนที่พบที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ไม่ถึง 500 ตัว เนื่องจากชายหาดที่เป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลถูกรุกคืบจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งล่าสุดเหลือชายหาดที่เต่าทะเลสามารถวางไข่ตามธรรมชาติได้เพียงไม่กี่แห่ง ขณะที่ "การพบการวางไข่ตามธรรมชาติของเต่าตนุบริเวณหาดทรายชายฝั่งอ่าวไทย น่าจะถือเป็นบันทึกครั้งแรกของประเทศไทย"
 
"เต่าตนุ" เป็นเต่าทะเลกระดองแข็ง เป็นสัตว์สงวนและคุ้มครอง อยู่ในบัญชีอนุสัญญาไซเตสบัญชีที่ 1 ถือว่าใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเต่าตนุจะวางไข่ได้หลายชุด เว้นระยะราว 7-10 วันต่อ 1 ชุด เมื่อโตเต็มที่จะวัดขนาดกระดองได้ 90-100 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 110-180 กิโลกรัม บริเวณพายมีเล็บแหลม กระดองเป็นเกล็ดเรียงกันมีสีน้ำตาลโอลีฟ  หรือสีดำ ส่วนใต้ท้องกระดองมีสีเหลืองหรือสีครีมอ่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่ชาวบ้านได้ตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เต่าทะเล ตั้งแต่พื้นที่วางไข่ ไปจนถึงแหล่งหากินของมัน
 
"ทางกรมฯเองก็ได้ทำแผนอนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเลแบบยั่งยืน ต่อจากการอนุรักษ์และเพาะพันธุ์เต่าทะเลเพื่อปล่อยสู่ธรรมชาติที่เกาะมันใน ได้เสนอต่อที่ประชุมอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทาง     ชีวภาพครั้งที่ 5 ที่เยอรมนี เกี่ยวกับกิจกรรมอนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเล เป็นโครงการเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตโลก อนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเล และได้เสนอให้เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระหว่างประเทศ (Ramsar Site) ประเภทพื้นที่คุ้มครองทางทะเล โดยเกาะกระมีชายหาดที่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ได้ ยังห่างไกลจากการรบกวนโดยกิจกรรมมนุษย์ เพื่ออนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเลอีกแห่งหนึ่งของไทย" ...อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุ
 
ด้าน อติชาติ อินท์ทองคำ นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร เสริมถึงการ  พบแหล่งวางไข่ของเต่าตนุบริเวณหาดทรายชายฝั่งอ่าวไทยว่า... ได้รับ   แจ้งให้เข้าสำรวจพื้นที่พบแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล ซึ่งได้ขุดทรายในจุด  ที่ชาวบ้านระบุว่าเจอลูกเต่า ขุดลงไปราว 80 เซนติเมตร ก็ พบลูกเต่าตนุที่ออกจากไข่กำลังแหวกทรายขึ้นมาพอดี 8 ตัว พบซากเปลือกไข่เต่า   มีร่องรอยการแตกตัวไปแล้ว 118 ฟอง และพบไข่เต่าที่ไม่สมบูรณ์อีก 10 ฟอง
 
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ทะเลลดลงไปมาก โดยเฉพาะกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ซึ่งรวมถึงโลมา วาฬ พะยูน เต่าทะเล ก็เนื่องจากถูก มนุษย์รบกวนพื้นที่แหล่งที่อยู่อาศัยและแพร่พันธุ์ เช่น การทำประมง การท่องเที่ยวทางทะเล และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ซึ่งแนวทางจัดการเบื้องต้นเพื่อดูแลและอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากนั้น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งก็เร่งฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งแพร่พันธุ์ เข้มงวดและรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการต่าง ๆ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน หน่วยงานเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทุกภาคส่วน
 
"สิ่งที่สำคัญของการค้นพบครั้งล่าสุดนี้ ไม่ใช่มีคุณค่าเพียงแค่งานในเชิงอนุรักษ์ หรือเผ่าพันธุ์ของสัตว์ แต่เต่าทะเลยังได้ให้คุณค่าที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น คือการทำให้คนในชุมชนได้หันมามองรากฐานของชุมชน ว่ามีสิ่งที่ดี มีคุณค่า ที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาไว้อย่างยั่งยืน ส่งต่อสู่  ลูกหลาน ซึ่งชุมชนที่ดีและเข้มแข็งต้องมาจากความรู้สึกหวงแหนในถิ่นเกิดก่อน นี่เป็นสัญชาตญาณที่ดี เป็นสัญญาณที่ดีในการร่วมกันปกป้องรักษาสิ่งที่มีคุณค่าให้คงอยู่สืบต่อไป" ...นักวิชาการประมงกล่าว ซึ่งกับ        "เต่าทะเล" นั้น ไม่ว่าจะเป็น... เต่าตนุ, เต่ามะเฟือง, เต่ากระ, เต่าหญ้า, เต่าหัวค้อน ซึ่งเป็น 5 ชนิดของเต่าทะเลที่พบในไทย จะชนิดไหน ที่       ไหนก็ควรจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้ จากในอดีตที่ผ่านมามีแต่การทำลายกันเป็นหลัก
 
ชีวิตของ "เต่าทะเล" ก็บ่งบอกเรื่องราวของทะเลไทยได้มาก
 
จะดีไม่น้อยถ้ามี "บันทึกหน้าใหม่ในทางดี" เกิดขึ้นต่อเนื่อง
 
ไม่ดีแน่ถ้าบันทึกใหม่จะกลายเป็น "บันทึกสุดท้าย" ด้วย !!.

http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=74190&NewsType=2&Template=1

Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

รายการบล็อกของฉัน