บ.ซีแคนูไทยแลนด์ จำกัด บ้าน ร๊อคการ์เด้นท์ 125/461 บ้านทุ่งคา - บ้านสะปำ ต. รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ 076 528839 - 40 โทรสาร 076 258841 อีเมล์: info@seacanoe.net เว็บไซต์ http://www.seacanoe.net/ Please visit my blog.Thank you so much. http://www.sanamluang.bloggang.com / http://tham-manamai.blogspot.com / http://www.parent-youth.net/ http://www.tzuchithailand.org/ http://www.pdc.go.th/ http://www.presscouncil.or.th / http://thainetizen.org/ http://www.ictforall.org

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Bookmark and Share
Blognone

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การสูญเสียพื้นดินถิ่นเกิดของคนไทยทั้งชาติ!

วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11390 มติชนรายวัน


การสูญเสียพื้นดินถิ่นเกิดของคนไทยทั้งชาติ!


โดย ระพี สาคริก




"การสูญเสียสิทธิในการถือครองที่ดินซึ่งเป็นถิ่นเกิดและเป็นพื้นฐานการดำรงชีวิตของคนไทยทั้งชาติ แม้แต่การสูญเสียที่ดินทำกินของเกษตรกรไทยย่อมหมายถึงความหายนะของชาติที่จะติดตามมาในอนาคต"

เรื่องนี้เป็นสัจธรรมซึ่งคนแต่ก่อนเคยนำมาปฏิบัติในการคุ้มครองปกป้องแผ่นดินถิ่นเกิดกันมาช้านาน จนกระทั่งถือเป็นจารีตประเพณีของไทยในการที่องค์พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นบรรพบุรุษผู้นำของเราในอดีต ตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์เริ่มแรกได้นำเอาชีวิตและเลือดเนื้อไปแลกเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยเอาไว้ให้มั่นคงอยู่ได้จนกระทั่งถึงเราซึ่งเป็นชนรุ่นลูกหลาน เพื่อไม่ให้สูญเสียไปกับอริราชศัตรู ดังจะเห็นได้จากเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของชาติ ซึ่งถือว่าในหลักสูตรการจัดการศึกษาของชนรุ่นหลังมีความจำเป็นที่จะต้องนำเอาประเด็นนี้มาศึกษาหาความรู้และทบทวนเพื่อความมั่นคงของชาติและแผ่นดินไทยในอนาคต

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปัญหาพื้นฐานของคนในสังคมไทยยุคนี้ได้เปลี่ยนแปลงมาถึงขั้นที่ถือว่าเกษตรกรคือยามเฝ้าแผ่นดิน แต่การสูญเสียที่ดินทำกินของเกษตรกรไทยให้กับคนต่างชาติที่แทรกซึมเข้ามาสู่สังคมในยุคนี้ด้วยวิธีการที่มีรูปแบบต่างๆ จนกระทั่งทำให้ชีวิตเกษตรกรไทยต้องเปลี่ยนสภาพจากความเป็นเจ้าของที่ดินมาเป็นลูกจ้างแรงงาน ซึ่งผู้ที่ลงไปสัมผัสกับปัญหาในระดับล่างด้วยจิตวิญญาณเท่านั้นที่จะรู้ถึงความจริงเรื่องนี้ได้

สิ่งที่กำลังเป็นปัญหาดังกล่าวได้ขยายขอบเขตออกไปสู่มุมกว้างเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งแทบไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว

อนึ่ง เมื่อพูดถึงเรื่องของการสูญเสียที่ดินทำกินสำหรับเกษตรกรท้องถิ่น ทำให้ฉันหวนกลับไปนึกถึงอดีตเมื่อประมาณกว่า 5 ปีมาแล้ว ที่มีนักการเมืองระดับสูงคนหนึ่งได้นำเอาคนไต้หวันเข้ามาตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับกล้วยไม้ ซึ่งแท้จริงแล้วประเด็นนี้มีผลทำให้คนต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินของประเทศไทยด้วย โดยที่ตัวเองคิดแต่จะขายที่ดินเพื่อเอาเงินใส่กระเป๋า แต่เราต้องสูญเสียที่ดินของชาติให้กับคนต่างชาตินับเป็นพันล้านไร่ ทำให้ฉันเองร่วมกับเพื่อนๆ ชาวกล้วยไม้ไทยและอีกหลายคนรวมทั้งสื่อมวลชน ซึ่งคนเหล่านี้แม้ไม่ได้ปลูกกล้วยไม้ แต่ตระหนักถึงความสำคัญของแผ่นดินดังกล่าว ได้ร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้จนกระทั่งมีผลกระตุ้นให้คนทั้งชาติตื่นตัว

แต่เรื่องราวครั้งนั้นเราก็ตื่นตัวกันเฉพาะเรื่องเดียว หลังจากนั้นมาแล้วก็คงนอนหลับทับสิทธิ์ในการปกป้องแผ่นดินไทยต่อมา จนกระทั่งบานปลายมาถึงปัจจุบัน

ในยุคนี้มันยิ่งกว่ามะเร็งโรคร้ายที่กำลังเกาะกินชีวิตและเลือดเนื้อของคนไทยในปัจจุบันไปจนกระทั่งถึงขั้นสุดท้าย เราจึงเริ่มตื่นตัวกันอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะสิ่งที่ฉันได้เขียนเอาไว้ว่า "เกษตรกรคือยามเฝ้าแผ่นดิน" แต่ขณะนี้ทหารยามของเรากำลังหมดแรง รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ควรจะมีอยู่ในมือก็ชำรุดทรุดโทรม สำหรับอาวุธดังกล่าวถ้าจะถามฉันว่ามันคืออะไรก็คงตอบได้ว่า "รากฐานจิตใจที่ควรจะเข้มแข็งและมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองนี่แหละ" ซึ่งเรื่องนี้เราจำเป็นจะต้องแก้ไขด้วยการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพซึ่งสามารถนำไปสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคง ซึ่งเรื่องนี้ผลที่ปรากฏก็คือความมั่นคงของชาติ

สิ่งหนึ่งซึ่งฉันจะขอชี้ไว้ให้เห็นในโอกาสนี้ก็คือ "เมื่อพูดถึงปัญหาการสูญเสียที่ดินของชาติแล้ว เราก็ยังนิยมแก้ไขกันด้วยการออกกฎหมายเพื่อใช้บังคับ" สิ่งนี้แหละเธอที่มันสะท้อนให้รู้ได้ว่า เราไม่ใช่ประชาธิปไตยเสียแล้ว แต่เรากำลังเดินสวนทางกับความเป็นประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุว่าการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหานั้นมันเท่ากับการนำอาวุธมากดหัวประชาชน แทนที่จะใช้คุณธรรมและจริยธรรมรวมทั้งการให้อภัยและการปฏิบัติที่สะท้อนให้เห็นถึงการให้โอกาส สิ่งนี้ใช่หรือเปล่าที่มันเป็นพื้นฐานธรรมะ เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่มองเห็นแค่รัฐสภาและไม่ใช่มองเห็นแค่การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเพียงกระพี้ของเครื่องมือ มันก็เป็นการสร้างปัญหาที่แฝงอยู่ในส่วนลึกเหนือการแก้ปัญหาอีกระดับหนึ่งด้วย

สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับคนที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นก็คือ "ในสภาพที่ผ่านมานั้น ลูกหลานไทยไม่สามารถรักษามรดกเหล่านั้นเอาไว้ให้มั่นคงอยู่ได้" ส่วนใหญ่แล้วมักมีนิสัยเห็นเงินตาโต รวมทั้งนิยมชมชื่นกับชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายในเมืองกรุง ดังเช่นการมีบ้านหรูๆ มีรถยนต์ราคาแพงๆ และมีตำแหน่งในการทำงานสูงๆ

อีกด้านหนึ่งก็คือ จิตวิญญาณที่ขาดความอดทนในการต่อสู้กับอามิสทั้งหลาย แล้วเราจะไปโทษใคร ถ้าฉันจะถามว่าเราจะโทษคนต่างชาติด้านเดียวเท่านั้นละหรือ แต่ถ้าหวนกลับมาพิจารณาให้ถึงการพัฒนาจิตวิญญาณของคนท้องถิ่นก็ควรจะเห็นว่า "เรื่องนี้เราควรจะโทษคนของเราเอง ที่รักในการทอดทิ้งเรือกสวนไร่นาอันเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษเพื่อเข้ามาอยู่ในเมืองกรุง นี่แหละ ที่ฉันมักพูดย้ำอยู่เสมอว่า การพัฒนาชนบทของเรามันประสบกับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงมาตลอด"

นี่แหละเธอที่รักที่การปฏิบัติของคนในสังคมทุกวันนี้ ถ้ามองในมุมกลับมันฟ้องอยู่ในตัวว่า เราผู้มีหน้าที่ร่วมมือกันแก้ปัญหาก็ยังไม่วายที่จะเน้นใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ เพราะทุกอย่างมันไปด้วยกัน เราจับปัญหานี้ได้มันก็สาวไปถึงอีกปัญหาหนึ่งได้ไม่ยาก "เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่นิยมอำนาจจึงมีการแย่งชิงกันขึ้นไปสู่ที่สูง ไม่ว่าในราชการหรือภาคเอกชน ถ้าเราคิดจะแก้ปัญหาโดยใช้การจัดการศึกษาเป็นเครื่องมือแล้ว สิ่งที่มันสะท้อนออกมามีผลหยั่งรู้ความจริงได้นั้น ก็คือ การใช้คุณธรรมเพื่อสร้างความเป็นคนให้แก่คนในชาติที่ควรจะมีเมตตาธรรมเป็นพื้นฐาน"

ขณะนี้ประเทศชาติกำลังเผชิญกับภัยอันตรายจนกระทั่งที่ดินอยู่อาศัยและประกอบสัมมาอาชีวะของคนไทยมันเหลือเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนท้องถิ่นที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการถือครองแผ่นดินผืนนี้ จำต้องเปลี่ยนไปเป็นทาสรับใช้ของคนต่างชาติภายในเรือกสวนไร่นา

เรื่องนี้ถ้าฉันจะอธิบายว่าแม้แต่คนต่างชาติที่กฎหมายไทยไม่เปิดโอกาสให้เข้ามาเป็นเจ้าของที่ดิน นอกจากมาแต่งงานกับภรรยาที่เป็นคนไทย เธอมองให้ดีว่าภาพรวมของเรื่องนี้มีคนไทยเป็นทาสหรือเปล่า การยอมตัวเป็นภรรยาคนต่างชาติ จริงๆ แล้วส่วนใหญ่ก็เพราะได้เงินมากๆ ความจริงก็เท่ากับเป็นทาสรับใช้ในทางปฏิบัติ

ที่ฉันนำเรื่องนี้มากล่าวไม่ใช่เพราะดูถูกคนไทย คนไทยที่ดีมีรากฐานจิตใจเข้มแข็งก็ยังคงมีอยู่เพียงแต่จำนวนในวันนี้น่าจะลดลงไปในวันข้างหน้าจนกระทั่งถึงที่สุดจุดจบของชาติชนิดที่เรียกกันว่า "สายเกินแก้"

สิ่งที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้คือความจริงทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแทบทุกครั้งที่มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการสูญเสียที่ดินทำกิน ถ้าเป็นการประชุมที่อยู่บนพื้นฐานราชการ แทบทั้งหมดจะพูดกันแต่เรื่องกฎหมาย ถ้าฉันชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาคนให้มีรากฐานจิตใจเข้มแข็ง เรามักจะถูกคนในที่ประชุมท้วงติงว่า เป็นเรื่องยากบ้าง เป็นเรื่องยาวเกินไปบ้าง โดยเฉพาะมันสะท้อนให้เห็นว่าคนในระบบราชการส่วนใหญ่นิยมอำนาจและสนใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารวมทั้งขาดความอดทนด้วย มิน่าละ ถึงได้เข้าไปอยู่ในระบบนี้แล้วส่วนใหญ่มักเข้าไปแสวงหาอำนาจกันอย่างเห็นได้ชัด

มีเรื่องตลกเกิดขึ้นในแวดวงเกษตร ในช่วงที่ผ่านมา เรามีการส่งเสริมให้คนสนใจพืชสมุนไพรรวมทั้งพืชชนิดต่างๆ ที่คนไทยนิยมใช้ปรุงอาหารกันมาช้านานแล้ว อยู่ๆ ก็มีหน่วยงานระดับกรมแห่งหนึ่งลุกขึ้นมาต่อต้านว่าพืชเหล่านี้มีพิษ จึงควรออกกฎระเบียบควบคุมไม่ให้ประชาชนนำมาใช้ได้ง่ายๆ

อนึ่ง ฉันมีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการเรื่องคนและพืชผลต่างๆ มาเป็นเวลาช้านานจนกระทั่งถึงบัดนี้มีอายุร่วม 87 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังสนใจเรียนรู้จากการทำงานมาตลอด ฉันฟังแล้วมองเห็นแนวโน้มที่น่าจะเชื่อถือได้ว่า ส่วนหนึ่งของคนเหล่านี้คงจะคิดอยากได้อำนาจในการควบคุมก่อนที่จะนำมาใช้ ทั้งๆ ที่ทุกคนก็เป็นคนเหมือนตน แต่เหตุไฉนจึงขาดความเมตตากรุณาจนกระทั่งเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาบ่อยๆ

คิดไป คิดไป ก็น่าสงสารประชาชนคนไทยซึ่งชีวิตตกอยู่ภายใต้อำนาจดังกล่าวที่มีการควบคุมบังคับเพิ่มมากยิ่งขึ้น แล้วเราก็มาบ่นกันว่าขาดความคล่องตัวภายในระบบการผลิตของชาติบ้านเมืองจนกระทั่งแทบจะไม่รู้ว่าแต่ละคนที่อยู่ภายใต้อำนาจควรจะกำหนดทิศทางเดินของตัวเองไปทางไหน

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกว่า ก็ยังเดินหน้าต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง เพราะวิถีทางนี้คือการเรียนรู้ความจริงลึกซึ้งยิ่งขึ้นเป็นลำดับจนกว่าจะจบลงด้วยการมองเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นความจริงที่ถึงซึ่งกันและกันได้ทั้งหมด หรือไม่ก็ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่มีตัวตนให้เรายึดติดอยู่กับอะไรต่อมิอะไร ในฐานะปุถุชนคนทั่วไป ซึ่งยังต้องมีการเคารพในสัจธรรมเอาไว้ให้มั่นคงอยู่ได้

หน้า 9
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01way02170552&sectionid=0137&day=2009-05-17

Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

รายการบล็อกของฉัน