บ.ซีแคนูไทยแลนด์ จำกัด บ้าน ร๊อคการ์เด้นท์ 125/461 บ้านทุ่งคา - บ้านสะปำ ต. รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ 076 528839 - 40 โทรสาร 076 258841 อีเมล์: info@seacanoe.net เว็บไซต์ http://www.seacanoe.net/ Please visit my blog.Thank you so much. http://www.sanamluang.bloggang.com / http://tham-manamai.blogspot.com / http://www.parent-youth.net/ http://www.tzuchithailand.org/ http://www.pdc.go.th/ http://www.presscouncil.or.th / http://thainetizen.org/ http://www.ictforall.org

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Bookmark and Share
Blognone

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สุดแดนใต้สายหาดใหญ่ "ปีนัง สู่ เบตง"

วันที่ 9 พฤษภาคม 2552 เวลา 00:00 น.
 
 
สุดแดนใต้สายหาดใหญ่ "ปีนัง สู่ เบตง"
นับแต่ปี พ.ศ. 2547 เมื่อเริ่มเกิดเหตุสะเทือนใจขึ้นในดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ แถมยังลุกลามเข้าไปถึงทางฝั่งใต้ของจังหวัดสงขลา

ทำเอาคนไทยทั้งประเทศ ต่างมุ่งมองด้วยปริวิตกว่า วันแห่งความสงบร่มเย็น หรือวันที่ปราศจากการล้มตายคล้ายใบไม้ร่วงบริเวณชายแดนใต้ จะกลับคืนมาเร็วหรือช้าขนาดไหน ?

ชีวิตของผู้คนที่นั่น จึงเปรียบเสมือนถูกแขวนเอาไว้บนเส้นด้าย ซึ่งไม่รู้ว่าจะขาดผึงลงมา ณ นาทีใด ไม่นับรวมถึงธุรกิจ การลงทุนที่แทบล่มสลายด้วยหาคนยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้ !

ที่สำคัญคือทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงทรัพยากรอันโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว ก็ดูเหมือน จะถูกปิดประตูตาย ทั้ง ๆ ที่ แผ่นดินผืนทองหลังแนวเทือกเขาสันกาลาคีรี นามว่า "เบตง"นั้นได้ชื่อว่าเป็น "เมืองในหมอกแห่งภาคใต้"

โดยเป็นเมืองที่มีความมหัศจรรย์ไม่ต่างไปกว่านคร หลังแนวเทือกเขาถนนธงชัย ต่อแนวเทือกเขาแดนลาวเช่น แม่ฮ่องสอน

แต่ก่อนการเดินทางไปสู่เบตงดูจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายที่มีเสน่ห์ ด้วยผ่านแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรายทาง นับแต่ปัตตานีสู่ยะลา ผ่านแนวป่าฮาลาบาลา แหล่งชุกชุมนกเงือก กับผืนน้ำขนาดใหญ่ หลังเขื่อนบางลาง และถิ่นที่อยู่ของชนพื้นเมืองซาไกแห่งบ้านแหร

นับรวมระยะทางผ่านทางคดโค้งจากยะลา-เบตง ไปตามแนวป่า ประมาณ 140 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางยาวนานถึง 3 ชั่วโมง

เส้นทางสายนี้ วันนี้อาจถูกปิดตายในสายตานักท่องเที่ยวจากถิ่นอื่น กระนั้นก็ไม่น่าเชื่อว่า ปัจจุบันถึงภัยร้ายจะแฝงกายอยู่ แต่คนในท้องถิ่นที่ไม่มีทางเลือก ก็ยังคงก้มหน้าใช้มันเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมสู่สังคมเมือง โดยอาศัยทฤษฎีทางหนีทีไล่เป็นคัมภีร์ คือ เลือกเดินทางด้วยรถประจำทาง หรือรถส่วนตัวก็แล้วแต่ เฉพาะช่วงตะวันส่องสว่าง

แล้วให้หยุดเดินทางทันที หลังตะวันลับเหลี่ยมยอดไม้บนเทือกเขาลงไป !

ถึงอย่างไรก็ตาม...การขวนขวายเพื่อเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเข้าสู่จุดหมายที่ อ.เบตง ดินแดน ซึ่งได้ชื่อว่าอยู่ใต้สุดแห่งแผ่นดินสยาม ก็คงไม่พ้นความพยายาม เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถเดินทางไปสู่แผ่นดินประเทศเดียวกันได้

นี่จึงเป็นที่มาของการเร่งบุกเบิก เส้นทางท่องเที่ยวสายใหม่ หาดใหญ่ ปีนัง สู่เบตง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส

เส้นทางสายที่ว่านี้มุ่งให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายสินค้า หรือท่องเที่ยวภายในตัวเมืองหาดใหญ่ และสงขลา ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ด่าน พรมแดนไทย-มาเลเซีย ทางด้าน อ.สะเดา เพื่อทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองสู่แผ่นดินมาเลเซีย

จากนั้นจึงเดินทางผ่านด่าน บูกิต กายูอิตำ สู่เมืองบัตเตอร์เวิร์ธ ณ จุดนี้หากเลือกเดินทางผ่านสะพานข้ามทะเล ซึ่งมีความยาวประมาณ 13.5 กิโลเมตร (สร้างขึ้นในสมัยนายกรัฐมนตรีที่ชาวมาเลเซียให้นิยามในคน ๆ นั้นว่า "มิสเตอร์ 10%") ก็จะถึงเกาะปีนัง หรือ "เกาะหมาก" เมื่อครั้งอยู่ในความครอบครองของสยามประเทศ

เกาะปีนัง ตั้งอยู่ในรัฐเคดาห์ มีพื้นที่ประมาณ 293 ตารางกิโลเมตร และเป็นเมืองที่องค์การยูเนสโกเพิ่งประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างดีทั่วทุกมุมเกาะ

บนเกาะมีแหล่งท่องเที่ยวรองรับมากมาย อาทิ นั่งกระเช้าขึ้นไปชมภูมิทัศน์บนปีนังฮิลล์ หรือเยี่ยมชม "วัดไชยมังคลาราม" กับชอปปิงสินค้าปลอดภาษีที่ย่าน "จอร์จทาวน์"

จากเกาะปีนังเมื่อย้อนกลับฝั่งแผ่นดินใหญ่ที่บัตเตอร์เวิร์ธ หากเดินทางต่อไปทางเมืองกริก ไปจนสุดท้ายที่ด่านเปงกาลันฮูลู ก็จะบรรจบกันระหว่างแผ่นดินมาเลเซีย กับแผ่นดินไทยอีกครั้งหนึ่ง ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง

ถ้านับด้วยระยะทางระหว่างด่าน อ.สะเดา ผ่านพื้นที่ประเทศมาเลเซีย ถึงด่าน อ.เบตง ก็ประมาณ 300 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งน้อยกว่าการเดินทางด้าน จ.ยะลา ที่ต้องผ่านแนวเทือกเขาสันกาลาคีรี และมีช่องทางกว้างถึง 4 ช่องทางให้รถวิ่งได้ทางเดียว

เส้นทางสายดังกล่าวยังมี รถตู้ประจำทางเปิดบริการทุกวันระหว่างหาดใหญ่ ถึงด่านเปงกาลันฮูลู และตัวเมืองเบตง

ถึงปี พ.ศ.นี้ แม้เบตง จะเป็นส่วนหนึ่งของ จ.ยะลา แต่ดินแดนแห่งนี้กลับดูสงบร่มเย็น สภาพภายในตัวเมืองผู้คนคงใช้ชีวิตกันตามปกติ กับมีเพื่อนบ้าน แห่เข้ามาท่องเที่ยวกันเป็นประจำมิได้ขาด

ธุรกิจโรงแรมที่มีอยู่ 27 แห่ง ห้องพักกว่า 1,686 ห้อง จึงคึกคักตลอดโดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดสำคัญ ๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน

ปีที่ผ่านมาเบตงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปมากถึง 75,798 คน ซึ่งแน่นอนไม่ปฏิเสธกันหรอกว่า 80% เป็นมิตรประเทศมากกว่าคนไทยกันเอง !

ปัจจัยที่สนับสนุนให้เบตงยังคงทรงคุณค่าด้านการท่องเที่ยวด้านชายแดนใต้ คงไม่พ้นความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น มิเพียงความเป็นเมืองใกล้เทือกเขาที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ และมีอุณหภูมิอากาศเย็นสบายโดยเฉลี่ยตลอด ปีเท่านั้น

แต่เบตงยังเต็มไปด้วยอาหารการกินที่เป็นแบบอย่างของตัวเอง อาทิ ไก่เบตง ที่ขึ้นชื่อ ด้านเนื้อนุ่ม หรือ กบภูเขา ที่นิยมนำมาทอดกระเทียมพริกไทย หรือใส่ในโจ๊กสำหรับกินเป็นอาหารเช้า

อาหารที่เป็นต้นตำรับชาวฮกเกี้ยนขนานแท้นั้น มีทั้งเส้นหมี่เบตงที่เหนียวนุ่ม กับหมี่ขาว "จี๊ฉ่องฝัน" ซึ่งทำจากข้าวเจ้า

ส่วนทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ เบตงมีแหล่งน้ำพุร้อนซึ่งเป็นพลังงานใต้พิภพอยู่ที่ต.ตาเนาะแมเราะ ห่างตัวอำเภอประมาณ 5 กิโลเมตร และปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ขณะเดียวกันใครจะไปเชื่อเล่าว่าดินแดนใต้สุดแห่งสยามตรงนี้ จะมีสวนไม้ดอกเมืองหนาว ทั้งดอกสีแดงสดของซัลเวีย แซมด้วยฮอลี่ฮ็อก กับพิทูเนียในแปลง กลางหุบเขาอยู่ด้วย

ที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์สำคัญ ได้แก่ อุโมงค์ปิยะมิตร ซึ่งอยู่ห่างบ่อน้ำร้อนแค่ 3 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ที่ถูกขุดเจาะลงไป ในผืนดิน กว้างขนาดแค่ตัวคนลอดได้ คล้ายกันกับอุโมงค์ "ชูฉี" ของชาวเวียดกง ในคราวทำ สงครามกู้ชาติจากมหาอำนาจอเมริกัน และจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส

อุโมงค์ปิยะมิตร สร้างขึ้นด้วยน้ำมือกองโจรคอมมิวนิสต์มาลายัน ที่เข้ามาปักหลักต่อสู้ กู้ชาติ จนเมื่อการสู้รบสงบลง กลุ่มกำลังที่เคยจับอาวุธ และใช้ผืนป่าเบตงเป็นฐานตั้งมั่น ต่างช่วยกันฟื้นฟูและรักษาผืนป่า ตรงนั้นเอาไว้ จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของเบตง

"อาจิ้น" คือ กองกำลังคนหนึ่ง ที่เคยปฏิบัติการณ์อยู่ในพื้นที่นี้มานาน นานจนกระทั่งวันนี้เขา ก็ยังคงยืนหยัดที่จะรักษาพื้นที่นี้ไว้ด้วยใจรัก เพียงแต่ปรับเปลี่ยนอุดมการณ์ใหม่ให้แผ่นดินกลายเป็นแหล่งอันเปี่ยมไปด้วยสันติสุข เพื่อต้อนรับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างมิตรภาพ

ที่นี่จึงปลอดการเข่นฆ่า และปลอดการคุกคาม...อาจิ้นมั่นใจเช่นนั้น !
 

บริสุทธิ์ ประสบทรัพย์
variety@dailynews.co.th
 


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

รายการบล็อกของฉัน